ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025: นิยามใหม่แห่งรถกระบะสมรรถนะสูงที่มาพร้อมความหรูหราสไตล์มอเตอร์สปอร์ต
ตลาดรถกระบะในประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการใช้งานเชิงพาณิชย์ หรือเป็นยานพาหนะสำหรับลุยงานหนักเท่านั้น แต่ยังได้ยกระดับขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของไลฟ์สไตล์ ความหรูหรา และสมรรถนะที่เร้าใจ ฟอร์ด ในฐานะผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ระดับโลก ได้ตอกย้ำวิสัยทัศน์นี้อีกครั้งด้วยการเปิดตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 (Ford Ranger MS-RT 2025) รถกระบะที่ผนวกเอาจิตวิญญาณแห่งมอเตอร์สปอร์ตเข้ากับความประณีตระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นผลงานความร่วมมืออันโดดเด่นระหว่าง ฟอร์ด และ MS-RT (M-Sport Road Technology) โดยมีอาร์เอ็มเอ ในฐานะพันธมิตรผู้ดัดแปลงรถยนต์ภายใต้การรับรอง Qualified Vehicle Modifier (QVM) เข้ามาเสริมทัพให้รถกระบะรุ่นพิเศษนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นับตั้งแต่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 41 ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม กลายเป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนมุมมองต่อรถกระบะสมรรถนะสูงไปโดยสิ้นเชิง
ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 ไม่ใช่แค่การตกแต่งเพื่อความสวยงามภายนอก แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น ด้วยการผสมผสานความแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของฟอร์ด เรนเจอร์ เข้ากับดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่ง เครื่องยนต์ V6 ดีเซลอันทรงพลัง ช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นพิเศษ และห้องโดยสารที่ประณีต ทำให้รถกระบะคันนี้พร้อมที่จะมอบทั้งความเร้าใจในทุกการเดินทาง ความสะดวกสบายในทุกรายละเอียด และความมั่นใจในทุกสถานการณ์ สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถกระบะที่แตกต่าง ไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของตัวตน ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ
หัวใจแห่งสมรรถนะ: ขุมพลัง V6 ดีเซลอันทรงพลัง
หัวใจหลักที่ทำให้ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 โดดเด่นเหนือใครคือขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 เทอร์โบ ที่ได้รับการยอมรับมายาวนานในตลาดต่างประเทศถึงความเสถียรและความทนทาน และได้เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2024 พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถกระบะ ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์ V6 แบบคอมมอนเรล พร้อมหัวฉีด Bosch Piezo ที่มีแรงดันในรางหัวฉีดสูงถึง 2,000 บาร์ ทำให้เครื่องยนต์สามารถฉีดเชื้อเพลิงได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ได้พละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที และแรงบิดมหาศาลถึง 600 นิวตันเมตร ซึ่งนับเป็น “Best in Class” หรือแรงบิดสูงสุดในกลุ่มรถกระบะระดับเดียวกัน ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ การเร่งแซงที่มั่นใจ และแรงฉุดลากที่เหลือเฟือ ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกสัมภาระหนัก หรือการลากจูงได้อย่างสบาย
เครื่องยนต์ V6 ดีเซลรุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัย อาทิ เทอร์โบชาร์จเจอร์แปรผัน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเทอร์โบในทุกช่วงรอบเครื่องยนต์ ทำให้การตอบสนองเป็นไปอย่างราบรื่นและลดอาการรอรอบ พร้อมด้วยกลไกขับวาล์วแบบเพลาลูกเบี้ยวเหนือฝาสูบคู่ (DOHC) และ 4 วาล์วต่อกระบอกสูบ เพื่อการหายใจของเครื่องยนต์ที่ดีเยี่ยม เสื้อสูบรูปตัว V เหล็กหล่อแกรไฟต์ขั้นตอนเดียว และฝาสูบอะลูมิเนียม ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความแข็งแกร่งทนทานสูงสุด แต่ยังคงน้ำหนักที่เหมาะสม
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ V6 ได้อย่างลงตัว มอบการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล แม่นยำ และรวดเร็ว ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ 4A 4WD ที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ (Normal) สำหรับการขับขี่ทั่วไป, โหมดประหยัด (Eco) เพื่อประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด, โหมดลากจูง (Tow/Haul) ที่ช่วยจัดการพลังงานและแรงบิดเมื่อต้องลากจูง, โหมดถนนลื่น (Slippery) เพื่อเพิ่มการยึดเกาะบนพื้นผิวเปียก, โหมดโคลนและหิน (Mud/Ruts) สำหรับการขับขี่ออฟโรดในสภาพพื้นที่ทุรกันดาร และโหมดทราย (Sand) เพื่อการขับขี่บนพื้นทรายอย่างมั่นใจ โหมดการขับขี่เหล่านี้ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งสมรรถนะของรถให้เหมาะสมกับทุกสภาพพื้นผิวถนนและทุกการเดินทาง
การปฏิวัติงานออกแบบ: สไตล์มอเตอร์สปอร์ตสุดเอกลักษณ์
ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 ได้รับการออกแบบให้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ด้วยรูปลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ใช่แค่การเติมแต่งอุปกรณ์ภายนอก แต่เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์และความสวยงามไปพร้อมกัน เริ่มต้นจากด้านหน้าด้วยกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่น พร้อมลิ้นหน้า (Splitter) ในตัว ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความดุดันแล้ว ยังช่วยจัดการกระแสลมใต้ท้องรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนอีกด้วย
ซุ้มล้อที่กว้างขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ความกว้างโดยรวมของตัวรถเพิ่มขึ้นถึง 82 มิลลิเมตร มอบภาพลักษณ์ที่กำยำแข็งแกร่ง และยังช่วยรองรับการติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษลาย ‘ไดมอนด์ คัท’ สีดำ ขนาดใหญ่ถึง 21 นิ้ว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยเติมเต็มรูปลักษณ์สปอร์ตและสมรรถนะการยึดเกาะถนน ชุดสเกิร์ตด้านข้างและบันไดข้างไฟฟ้าแบบพับเก็บอัตโนมัติ ไม่เพียงเพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้นลง แต่ยังช่วยให้ด้านข้างของรถดูเรียบเนียนและโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นในขณะขับขี่
ด้านท้ายของรถก็ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยกันชนหลังดีไซน์สปอร์ต พร้อมดิฟฟิวเซอร์หลังสไตล์มอเตอร์สปอร์ตที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ และสปอยเลอร์หลังแบบ Ducktail ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคา ช่วยเพิ่มความสปอร์ตและความเป็นเอกลักษณ์ให้กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT ตัวกระจกมองข้างและมือจับประตูถูกตกแต่งด้วยสีอะเกต แบล็ก เพื่อสร้างความContrasting และความพรีเมียมให้กับรูปลักษณ์ภายนอกโดยรวม
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการปรับจูนช่วงล่างให้เตี้ยลงถึง 40 มิลลิเมตร ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อรูปลักษณ์ที่ดูสปอร์ตและดุดันขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงของรถ ทำให้การควบคุมรถที่ความเร็วสูงเป็นไปอย่างมั่นคง ลดอาการโคลงตัว และเพิ่มความแม่นยำในการเข้าโค้งได้อย่างยอดเยี่ยม ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 จึงเป็นมากกว่ารถกระบะที่สวยงาม แต่เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะแห่งการออกแบบวิศวกรรมเพื่อสมรรถนะอย่างแท้จริง สำหรับสีตัวถัง มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา คอมมานด์ เกรย์ และสีดำ แอ็บโซลูท แบล็ก ซึ่งล้วนแต่เป็นสีที่เสริมความเข้มและดุดันให้กับรถกระบะสมรรถนะสูงคันนี้
ห้องโดยสารระดับพรีเมียม: ผสมผสานความหรูหราและความสปอร์ต
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และกลิ่นอายของมอเตอร์สปอร์ตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว การออกแบบภายในเน้นความประณีตและวัสดุคุณภาพสูง เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่เบาะที่นั่งดีไซน์พิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับชุดแต่ง MS-RT ด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์คุณภาพสูงและหนังกลับ พร้อมการเดินด้ายสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ที่ประดับประดาอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร เบาะนั่งโอบกระชับสรีระได้อย่างยอดเยี่ยม ให้การรองรับที่ดีเยี่ยมขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง หรือในเส้นทางที่มีการเข้าโค้งอย่างต่อเนื่อง ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้ายังสามารถปรับเบาะได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อค้นหาตำแหน่งที่นั่งที่สบายและเหมาะสมที่สุดในการเดินทาง เบาะคู่หน้าและเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลังยังมาพร้อมสัญลักษณ์ MS-RT และลายธงเรซซิ่ง ซึ่งช่วยย้ำเตือนถึงเอกลักษณ์และความพิเศษของรถรุ่นนี้ รวมถึงสัญลักษณ์ MS-RT บนยางปูพื้นห้องโดยสารอีกด้วย
พวงมาลัยดีไซน์สปอร์ตใหม่ พร้อมแถบสีน้ำเงินที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และสัญลักษณ์ MS-RT ไม่เพียงเพิ่มความสวยงาม แต่ยังมอบสัมผัสในการควบคุมที่กระชับมือและแม่นยำ สร้างความมั่นใจในการขับขี่ที่เร้าใจ
ในส่วนของเทคโนโลยีและความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 จัดเต็มด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ล้ำสมัย เริ่มจากแท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charger) สำหรับสมาร์ทโฟน ช่วยให้คุณเชื่อมต่อและใช้งานอุปกรณ์ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ เพื่อความสะดวกสบายในการเข้าถึงและออกเดินทาง ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ช่วยให้ผู้โดยสารแต่ละฝั่งสามารถตั้งอุณหภูมิที่ต้องการได้ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพื่อความเย็นสบายทั่วถึงทั้งคัน กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติพร้อมช่องต่อ USB เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่าสนใจ ช่วยลดแสงจ้าจากรถคันหลัง และอำนวยความสะดวกในการติดตั้งกล้องติดหน้ารถหรืออุปกรณ์อื่นๆ
หัวใจหลักของระบบความบันเทิงและการเชื่อมต่อคือหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว ที่ติดตั้งกลางคอนโซลกลาง ทำงานร่วมกับระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดและรวดเร็วยิ่งขึ้น รองรับการเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™ ช่วยให้การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเป็นไปอย่างราบรื่นไร้สาย เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดเป็นแบบสีขนาด 8 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, ระบบ FordPass Connect ที่ให้คุณควบคุมรถจากระยะไกลและเข้าถึงข้อมูลรถผ่านแอปพลิเคชัน, ช่องต่อ USB ถึง 4 จุด รวมถึงบนกระจกมองหลัง และลำโพงคุณภาพสูงถึง 6 ตำแหน่ง เพื่อประสบการณ์ความบันเทิงที่ครบครันตลอดการเดินทาง
มิติใหม่แห่งความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของยานพาหนะทุกคัน และ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 ก็ไม่ได้ละเลยในเรื่องนี้ ด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงรับและเชิงรุกที่ล้ำสมัย เพื่อปกป้องผู้โดยสารในทุกสถานการณ์ เริ่มต้นด้วยถุงลมนิรภัย 7 จุด ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า ซึ่งให้การปกป้องอย่างรอบด้านเมื่อเกิดการชน พร้อมด้วยระบบช่วยโทรฉุกเฉินที่จะติดต่อหน่วยกู้ภัยโดยอัตโนมัติ
ระบบความปลอดภัยพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ ได้แก่ ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ที่ช่วยให้การเบรกมีประสิทธิภาพสูงสุด, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) ที่ช่วยรักษาการทรงตัวของรถในทุกสภาพการขับขี่ และเบรกมือไฟฟ้าเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการจอด
สำหรับฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนเส้นทางที่ท้าทาย ได้แก่ ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation) ที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้นบนเส้นทางลาดชัน รวมถึงระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) ที่ช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะลงทางลาดชันได้อย่างนุ่มนวล
นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 ยังอัดแน่นด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems – ADAS) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ:
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง: ช่วยให้การจอดรถในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) พร้อมระบบ Stop & Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Centering): ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ทางไกลและเพิ่มความปลอดภัยบนถนนหลวง
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ: ปรับเปลี่ยนไฟสูง-ต่ำโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจจับรถคันอื่น เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่เวลากลางคืน
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System): ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า
ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน (Post-Collision Braking System): ช่วยลดความรุนแรงของอุบัติเหตุต่อเนื่องหลังจากการชนครั้งแรก
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Alert): แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ
ระบบตรวจจับรถในจุดบอด (Blind Spot Information System – BLIS®) พร้อมระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Cross-Traffic Alert): เพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลนและการถอยออกจากช่องจอด
กล้องมองรอบคัน 360 องศา: มอบมุมมองแบบรอบทิศทาง ช่วยให้การบังคับรถในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่าย
ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง (Reverse Brake Assist): ช่วยเบรกอัตโนมัติเมื่อตรวจพบสิ่งกีดขวางขณะถอยหลัง
ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steering Assist): ช่วยเสริมการหักหลบสิ่งกีดขวางในสถานการณ์ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ยังมีระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจและมีประโยชน์อย่างยิ่ง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการเปิดไฟส่องสว่างภายนอกตัวรถได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟส่องพื้นจากกระจกข้างรถ ไฟในกระบะท้าย และไฟส่องแผ่นป้ายทะเบียน โดยสามารถเลือกเปิดปิดเฉพาะบางโซนหรือทุกโซนพร้อมกันได้ผ่านหน้าจอ SYNC อำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ ในตอนกลางคืน
ราคาและการเป็นเจ้าของ: ประสบการณ์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร
ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 วางจำหน่ายในราคาแนะนำที่ 1,749,000 บาท ซึ่งสะท้อนถึงมูลค่าของนวัตกรรม งานออกแบบที่ประณีต เครื่องยนต์ V6 อันทรงพลัง และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงที่อัดแน่นมาในรถกระบะรุ่นพิเศษคันนี้ ในฐานะรถกระบะสมรรถนะสูงที่ได้รับการปรับแต่งจากผู้เชี่ยวชาญด้านมอเตอร์สปอร์ตอย่าง MS-RT ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และสมรรถนะอันเร้าใจได้อย่างลงตัว
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 สามารถสัมผัสตัวจริงและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ และสามารถทดลองขับเพื่อสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่ธรรมดาด้วยตัวคุณเอง ด้วยจำนวนการผลิตที่จำกัดในบางช่วง รถรุ่นนี้จึงเป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นของสะสมสำหรับผู้ที่มองหาสิ่งที่พิเศษและแตกต่างอย่างแท้จริง
ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 คือการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของฟอร์ด และความมุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ไม่ใช่แค่รถกระบะ แต่เป็นเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจะพาคุณไปสู่ทุกจุดหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน การผจญภัยสุดสัปดาห์ หรือการพิชิตเส้นทางที่ท้าทายที่สุด ด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้น ดีไซน์ที่โดดเด่น และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ฟอร์ด เรนเจอร์ MS-RT 2025 พร้อมที่จะสร้างนิยามใหม่ให้กับประสบการณ์การขับขี่รถกระบะของคุณอย่างแท้จริง

