Isuzu 2025: ปลดล็อกทุกขีดจำกัดด้วยเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE เจเนอเรชันใหม่ พลังแห่งอนาคตที่คุณสัมผัสได้
ปี 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของวงการยานยนต์ไทย และ Isuzu ในฐานะผู้นำตลาด ได้ตอกย้ำจุดยืนด้วยการเปิดตัวขุมพลังดีเซลเจเนอเรชันใหม่ล่าสุด “2.2 Ddi MAXFORCE” และ “3.0 Ddi MAXFORCE” ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การอัปเกรดเครื่องยนต์ แต่เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ที่จะพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่ ทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัด และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมพาคุณไปสัมผัสกับ “พลังใหม่…กำหนดโลก” ที่แท้จริง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมกล้าพูดได้เลยว่าสิ่งที่ Isuzu นำเสนอในปีนี้ ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่จับต้องได้จริง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ากับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของผู้ใช้งาน ทำให้ Isuzu 2025 พร้อมแล้วที่จะเป็นทั้งเพื่อนร่วมทางสำหรับการทำงานหนัก และเป็นพาหนะคู่ใจสำหรับการเดินทางของครอบครัวยุคใหม่
Isuzu 2025: พลังใหม่ที่เหนือกว่า ทุกความท้าทาย
หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อยู่ที่เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมดจด เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและเข้มข้นขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว แรงบิดที่ฉับไว หรือความประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคุณสมบัติที่ผู้ใช้งานต่างมองหา และ Isuzu ได้รวบรวมไว้ในขุมพลังเจเนอเรชันใหม่นี้อย่างครบถ้วน
นอกจากเครื่องยนต์รุ่นใหม่ Isuzu ยังคงนำเสนอเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความประหยัดและสมรรถนะ ทำให้ Isuzu มีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลายที่สุดในตลาด พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานอย่างแท้จริง
เจาะลึกเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE The FORCE of FUTURE: พลังที่ขับเคลื่อนอนาคต
นี่คือไฮไลต์ที่ทุกคนจับตา เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (2.2 Ddi MAXFORCE) แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ที่ได้รับการออกแบบใหม่หมดจด ไม่เพียงแต่ให้พละกำลังที่เพิ่มขึ้นเป็น 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แต่ยังโดดเด่นด้วยแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ช่วง 1,600 – 2,400 รอบ/นาที ซึ่งเป็นช่วงรอบที่ใช้งานจริงบ่อยที่สุด นั่นหมายถึงการออกตัวที่กระฉับกระเฉง และการเร่งแซงที่มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์
สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือ การที่ Isuzu สามารถเพิ่มสมรรถนะได้ถึงขนาดนี้ โดยที่ยังคงให้ความประหยัดน้ำมันที่เหนือกว่าเดิม โดยเฉพาะในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกรด L ที่สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 10.7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งในยุคที่ต้นทุนพลังงานเป็นสิ่งสำคัญ และที่สำคัญที่สุดคือค่า CO2 ที่ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Isuzu ในการพัฒนายานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมรองรับเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกที่หลากหลายในอนาคต
เบื้องหลังของสมรรถนะและความประหยัดที่โดดเด่นนี้ มาจากนวัตกรรมที่ซ่อนอยู่ภายใน:
หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa. ใหม่!: การฉีดเชื้อเพลิงด้วยแรงดันที่สูงขึ้น ทำให้ละอองเชื้อเพลิงละเอียดขึ้น ผสมเข้ากับอากาศได้สมบูรณ์แบบ ส่งผลให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านกำลังและความประหยัด
ECM แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูง ใหม่!: หน่วยควบคุมเครื่องยนต์อัจฉริยะแบบมัลติคอร์ ประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมที่สุดในทุกสภาวะการขับขี่
E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใหม่!: เทอร์โบอัจฉริยะที่สามารถปรับการทำงานได้อย่างละเอียดและรวดเร็ว ช่วยให้ได้กำลังและแรงบิดสูงสุดตั้งแต่รอบต่ำ ลดอาการรอรอบ ทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างทันใจ
ห้องเผาไหม้แบบ HIGH SWIRL เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สมบูรณ์แบบ ใหม่!: การออกแบบห้องเผาไหม้ที่สร้างการหมุนวนของอากาศอย่างเหมาะสม ช่วยให้การผสมผสานเชื้อเพลิงและอากาศเป็นไปอย่างลงตัวที่สุด นำไปสู่การเผาไหม้ที่หมดจด ลดมลพิษ และเพิ่มกำลัง
ลูกสูบใหม่ ULTRA-LOW FRICTION ที่ให้แรงเสียดทานต่ำพิเศษ: การลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสึกหรอ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
เสื้อสูบแกร่งพิเศษ แบบ EXTREME STRENGTH พร้อมระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่! HI-FLOW และชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า TIMING GEAR & CHAIN: ความแข็งแกร่งของโครงสร้างเครื่องยนต์ ผนวกกับระบบหล่อลื่นที่มีประสิทธิภาพสูง และกลไกขับเคลื่อนที่ทนทาน ทำให้มั่นใจได้ถึงความน่าเชื่อถือและความทนทานตามแบบฉบับ Isuzu
ระบบส่งกำลังใหม่: ประสานพลังอย่างลงตัว
ไม่เพียงแค่เครื่องยนต์ Isuzu ยังได้ยกระดับระบบส่งกำลังให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น เพื่อให้การถ่ายทอดพละกำลังเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด:
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ REV TRONIC ใหม่!: ครั้งแรกของ Isuzu กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ให้อัตราทดเกียร์ต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจ พร้อมกับคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมัน การมีอัตราทดที่มากขึ้น ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบต่ำลงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการใช้เชื้อเพลิงและเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ทำให้การเดินทางไกลเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์ยิ่งขึ้น Paddle Shift ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว ก็เพิ่มความสนุกในการควบคุมได้อย่างใจ
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ GENIUS SPORT SHIFT ใหม่!: สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการควบคุมด้วยตัวเอง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมอัตราทดใหม่นี้ จะช่วยให้ออกตัวได้ดีขึ้น แม้บรรทุกหนักเต็มพิกัด และยังคงให้ความประหยัดน้ำมันที่ความเร็วสูง เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นการบรรทุกและใช้งานเชิงพาณิชย์ หรือผู้ที่ชื่นชอบความรู้สึกสปอร์ตจากการควบคุมเกียร์เอง
เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE The FORCE of FUTURE: พลังใหม่…กำหนดโลก!
สำหรับผู้ที่ต้องการพละกำลังสูงสุด Isuzu ได้เตรียมเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ที่ให้พลังแรงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที มาพร้อม E-VGS TURBO ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองดียิ่งขึ้นในทุกช่วงความเร็ว พลังที่เหนือชั้นนี้มีให้เลือกทั้งในรถ Isuzu D-Max และ Isuzu MU-X ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการสมรรถนะขั้นสุด ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกหนัก ลากจูง หรือการเดินทางพิชิตทุกสภาพเส้นทาง
NEW! Isuzu MU-X The Next Peak 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE: กำหนดจุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่า
Isuzu MU-X 2025 หรือ “The Next Peak” สะท้อนถึงการยกระดับสู่จุดสูงสุดของรถยนต์อเนกประสงค์ หรือ PPV อย่างแท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE เจเนอเรชันใหม่ MU-X พร้อมพาคุณและครอบครัวไปสู่จุดหมายได้อย่างสบาย ปลอดภัย และเต็มไปด้วยความประทับใจ
สำหรับไลน์อัพใหม่ที่น่าสนใจคือ NEW! MU-X The Next Peak รุ่น RS เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ที่ต้องการความหรูหราควบคู่กับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม รุ่น RS นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า ด้วยพลังใหม่ที่พร้อมกำหนดโลก ให้คุณฝ่าทุกอุปสรรคอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมพามุ่งสู่จุดสูงสุด
จากการทดสอบขับขี่ MU-X The Next Peak 2.2 Ddi MAXFORCE สัมผัสแรกที่ชัดเจนคือความนุ่มนวลและการทำงานที่ราบรื่นของระบบส่งกำลังใหม่ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ แม้รถจะมีน้ำหนักมากกว่า D-Max แต่การตอบสนองของเครื่องยนต์ก็ยังคงน่าประทับใจ อัตราเร่งอาจไม่พุ่งทะยานเท่า D-Max แต่ความไหลลื่นและความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์นั้นโดดเด่นเป็นพิเศษ ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลายและสะดวกสบายอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่รถยนต์อเนกประสงค์สำหรับครอบครัวควรมี
ราคาจำหน่าย Isuzu MU-X ในแต่ละรุ่น (โดยประมาณ ณ ปี 2025):
NEW! MU-X RS 4×4 ราคาตั้งแต่ 1,759,000 – 1,771,000 บาท
NEW! MU-X RS ราคาตั้งแต่ 1,624,000 – 1,671,000 บาท
NEW! MU-X Ultimate ราคาตั้งแต่ 1,554,000 – 1,601,000 บาท
NEW! MU-X Elegant ราคาตั้งแต่ 1,429,000 – 1,476,000 บาท
NEW! MU-X Active ราคาตั้งแต่ 1,194,000 – 1,206,000 บาท
(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อกำหนดของบริษัท)
รถปิกอัพ Isuzu D-Max 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE: พลังใหม่…กำหนดโลกแห่งรถกระบะ
สำหรับรถกระบะในตำนานอย่าง Isuzu D-Max ปี 2025 ก็ได้รับการเสริมทัพด้วยขุมพลัง Ddi MAXFORCE เช่นกัน ทำให้ D-Max ยังคงเป็นรถกระบะที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานเชิงพาณิชย์และไลฟ์สไตล์ส่วนตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การเพิ่มไลน์อัพใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะแบบออฟโรดอย่างแท้จริง ได้แก่ ISUZU V-CROSS 4×4 เกรด ZP เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE และ ISUZU D-MAX Spark 4×4 เกรด S เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่พร้อมลุยทุกเส้นทางท้าทาย
นอกจากนี้ ยังมีสีใหม่ล่าสุด! สีเทา Elbrus Grey Opaque (เทา เอลบรุส โอเพค) ที่เข้ามาเสริมความหรูหรา และความโดดเด่นให้กับ D-Max ให้มีมิติและน่าค้นหามากยิ่งขึ้น สะท้อนถึงรสนิยมที่ทันสมัยของผู้ขับขี่
ประสบการณ์ทดสอบขับขี่ ISUZU D-Max Hi-lander 2.2 Ddi MAXFORCE: แรง เร็ว ประหยัด ทุกสัมผัส
ผมมีโอกาสได้ทดสอบ Isuzu D-Max Hi-lander 2.2 Ddi MAXFORCE ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งเป็นสนามระดับโลก และต้องบอกว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE นั้นเกินความคาดหมายไปมาก ตั้งแต่ออกตัว จุดเด่นที่สัมผัสได้ทันทีคือพละกำลังที่มาตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,600 รอบ/นาที ทำให้ไม่ต้องกดคันเร่งมาก รถก็พร้อมทะยานออกไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
จังหวะการเร่งแซงก็ทำได้ดีเยี่ยม ไม่มีอาการรอรอบแต่อย่างใด ด้วยการทำงานของเทอร์โบลูกใหม่ E-VGS TURBO ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้พละกำลังมาอย่างต่อเนื่องและทันใจ ตอบสนองการขับขี่ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซงรถบรรทุก หรือการเปลี่ยนเลนบนทางด่วน ก็ทำได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
สิ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือ เสียงเครื่องยนต์ที่เงียบลงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ไม่ว่าจะขณะสตาร์ทหรือขณะเร่งแซง ความเงียบและความราบเรียบของเครื่องยนต์สร้างบรรยากาศในห้องโดยสารให้สงบยิ่งขึ้น ช่วยลดความเมื่อยล้าในการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี การกดคันเร่งเมื่อรถหยุดนิ่ง ก็รู้สึกได้ว่ารอบเครื่องยนต์มาเร็วขึ้น บ่งบอกถึงการตอบสนองที่ฉับไว
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่ REV TRONIC คือพระเอกอีกหนึ่งอย่างในการทดสอบครั้งนี้ การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างราบรื่นและนุ่มนวลจนแทบไม่รู้สึกถึงการกระตุก อัตราทดที่ต่อเนื่องทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การตอบสนองของ Paddle Shift ก็รวดเร็วทันใจ เมื่อต้องการลดเกียร์เพื่อเรียกกำลัง หรือเพื่อ Engine Brake ในจังหวะที่ต้องการ ก็สามารถทำได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง
นอกจากความสนุกในการขับขี่แล้ว เกียร์ 8 สปีดยังมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความประหยัดน้ำมันอย่างเห็นได้ชัด เมื่อวิ่งด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเกียร์ 8 รอบเครื่องยนต์จะขึ้นไปเพียง 1,900-1,950 รอบ/นาที เท่านั้น ซึ่งอัตราทดนี้จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างผ่อนคลาย ลดการใช้เชื้อเพลิง และลดเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้อย่างแน่นอน แม้จะต้องทดสอบแบบวิ่งยาวเพื่อยืนยันตัวเลขความประหยัดอย่างเป็นทางการ แต่สัญญาณที่เห็นจากการทดสอบเบื้องต้นนี้ ก็นับว่าน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
Slope Station: พิสูจน์ความแกร่งในทุกสภาวะ
การทดสอบในสถานี Slope Station เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ตอกย้ำถึงสมรรถนะและความแข็งแกร่งของ Isuzu D-Max โดยได้ทดสอบขับรถขึ้นและลงเนินชัน 18 องศา พร้อมโหลดน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม ด้วยรถปิกอัพ NEW! ISUZU D-MAX Spacecab M/T และ NEW! ISUZU D-MAX Spark A/T ผลลัพธ์ที่ได้คือ Isuzu D-Max สามารถพิชิตเนินชันได้อย่างสบาย แม้จะแบกรับน้ำหนักถึง 1 ตัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและแรงบิดที่เหลือเฟือของเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE รวมถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างและระบบส่งกำลัง ที่พร้อมรองรับการใช้งานหนักในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกสินค้า หรือการลากจูง ก็สามารถทำได้อย่างมั่นใจ
ราคาจำหน่าย Isuzu D-Max ในแต่ละรุ่น (โดยประมาณ ณ ปี 2025):
NEW! ISUZU V-Cross 4×4 รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 937,000 – 1,284,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Hi-Lander รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 778,000 – 1,171,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Cab4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 749,000 – 902,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spacecab ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 668,000 – 784,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark 4×4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 740,000 – 787,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 558,000 – 655,000 บาท
(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อกำหนดของบริษัท)
บทสรุป: Isuzu 2025 ยานยนต์ที่ก้าวล้ำนำอนาคต
การเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE ใน Isuzu D-Max และ Isuzu MU-X ปี 2025 ไม่ใช่แค่เพียงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นการประกาศวิสัยทัศน์ของ Isuzu ที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยนวัตกรรมที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลที่ทันสมัย ระบบส่งกำลังที่ล้ำหน้า หรือความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม Isuzu ได้สร้างสรรค์ยานยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของชีวิตยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
ด้วยการผสมผสานระหว่างพละกำลัง ความประหยัด และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Isuzu 2025 จึงเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่า สำหรับผู้ที่มองหารถยนต์คู่ใจที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ทั้งสำหรับการทำงานที่สมบุกสมบัน การเดินทางท่องเที่ยวของครอบครัว หรือการใช้ชีวิตในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวและความประหยัด
เครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE เจเนอเรชันใหม่นี้ ได้พิสูจน์แล้วว่า Isuzu ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานทุกท่าน หากคุณกำลังมองหารถกระบะที่สมรรถนะเยี่ยม หรือรถยนต์อเนกประสงค์ที่ให้ความสะดวกสบายและปลอดภัย Isuzu 2025 คือคำตอบที่ใช่ที่สุดในเวลานี้
อย่ารอช้าที่จะสัมผัส “พลังใหม่…กำหนดโลก” ด้วยตัวคุณเอง แวะไปที่โชว์รูม Isuzu ทั่วประเทศ เพื่อทดลองขับ และค้นพบว่าทำไม Isuzu D-Max และ Isuzu MU-X 2025 จึงเป็นยานยนต์แห่งอนาคตที่คุณคู่ควร
