หัวข้อ: อิซูซุ 2025: ปลดล็อกพลังแห่งอนาคต ด้วยเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE เจเนอเรชันใหม่!
วงการยานยนต์ทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และในปี 2025 นี้ อิซูซุ ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซล ได้ตอกย้ำจุดยืนด้วยการเปิดตัวขุมพลังใหม่ล่าสุดในตระกูล Ddi MAXFORCE ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมอันก้าวล้ำ ภายใต้แนวคิด “The FORCE of FUTURE” ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับปรุง แต่เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ ทั้งในด้านสมรรถนะ ความประหยัดน้ำมัน และความพร้อมสำหรับอนาคตที่หลากหลาย นับเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของอิซูซุในการส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์กว่าทศวรรษ ผมมองว่าการเปิดตัวครั้งนี้ของอิซูซุ คือหมุดหมายสำคัญที่น่าจับตา ด้วยการนำเสนอทางเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลายที่สุดในตลาด ควบคู่ไปกับการยกระดับประสิทธิภาพในทุกมิติ เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับรถยนต์ที่ผสานความแรง ความทนทาน และความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมไว้อย่างลงตัว
หัวใจแห่งอนาคต: เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE พลังที่ทุกคนรอคอย
ไฮไลต์สำคัญของการเปิดตัวในปีนี้ คงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร (2.2 Ddi MAXFORCE) ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่หมดจด เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ที่ไม่เพียงแต่ให้พละกำลังที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงรักษาจุดเด่นเรื่องความประหยัดน้ำมัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอิซูซุไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
พละกำลังที่เหนือกว่า: เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ส่งมอบพลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงการปรับจูนที่ยอดเยี่ยม ทำให้รถมีอัตราเร่งที่ดีเยี่ยมตั้งแต่รอบต่ำ การออกตัวที่คล่องตัว และการตอบสนองที่ฉับไวในทุกช่วงความเร็ว ที่น่าสนใจคือ แรงบิดช่วงออกตัวที่เพิ่มขึ้นถึง 56% ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบและปรับปรุงองค์ประกอบภายในเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด ทำให้การขับขี่ในเมืองที่ต้องหยุดและออกตัวบ่อยครั้ง หรือการบรรทุกสัมภาระหนักกลายเป็นเรื่องง่ายและราบรื่น
เทคโนโลยีหัวฉีดแรงดันสูงและ ECM อัจฉริยะ: หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูงถึง 250 MPa. คือหนึ่งในหัวใจสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ผนวกกับ ECM (Engine Control Module) แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้การควบคุมการจ่ายน้ำมันเป็นไปอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ลดการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น และส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันอัจฉริยะ: เทอร์โบแปรผันที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-VGS TURBO) ช่วยเพิ่มการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น ลดอาการ “รอรอบ” ทำให้พละกำลังมาถึงได้อย่างทันใจ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งแซงหรือการขับขี่บนทางลาดชัน ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงพลังที่ต่อเนื่องและไม่ขาดตอน
ห้องเผาไหม้และลูกสูบใหม่: การออกแบบห้องเผาไหม้แบบ HIGH SWIRL ช่วยเพิ่มการหมุนวนของอากาศและเชื้อเพลิง ทำให้การเผาไหม้สมบูรณ์แบบ ลดเขม่าและมลพิษ พร้อมด้วยลูกสูบใหม่ ULTRA-LOW FRICTION ที่ลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และยืดอายุการใช้งาน
โครงสร้างที่แข็งแกร่งและทนทาน: เสื้อสูบแกร่งพิเศษแบบ EXTREME STRENGTH รับประกันความทนทานและการใช้งานหนักได้อย่างไร้กังวล เสริมด้วยระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่ HI-FLOW และชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า (TIMING GEAR & CHAIN) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้อิซูซุได้รับความไว้วางใจมาโดยตลอด
การประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ: ตอบโจทย์ยุคประหยัด
ในยุคที่ราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ อิซูซุ 2.2 Ddi MAXFORCE ยังคงโดดเด่นเรื่องความประหยัดน้ำมัน โดยมีรายงานการทดสอบแสดงให้เห็นถึงความประหยัดที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 10.7% ในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกรด L ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจและพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอิซูซุในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง และยังเป็นเครื่องยนต์ที่มีค่า CO2 ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน ซึ่งสอดรับกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก และยังคงพร้อมรองรับเทคโนโลยีและพลังงานที่หลากหลายในอนาคต ทำให้เป็น “รถยนต์รักษ์โลก” ที่แท้จริง
ระบบส่งกำลังใหม่: ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้น
นอกจากเครื่องยนต์ที่ทรงพลังแล้ว อิซูซุยังได้ยกระดับระบบส่งกำลังครั้งใหญ่ เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนานยิ่งขึ้น
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด REV TRONIC (ครั้งแรกของอิซูซุ!): นี่คือไฮไลต์ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด REV TRONIC มอบอัตราทดเกียร์ที่ต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวลและแทบไม่รู้สึกถึงการสะดุด การเพิ่มจำนวนเกียร์ยังช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่เหมาะสมอยู่เสมอ ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนทางหลวง พร้อมโหมด REV TRONIC ที่มอบความสนุกในการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถกระบะและ SUV ให้เทียบเท่ารถยนต์นั่งระดับพรีเมียม
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด GENIUS SPORT SHIFT: สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการควบคุมที่แม่นยำ อิซูซุได้พัฒนาเกียร์ธรรมดา 6 สปีด GENIUS SPORT SHIFT พร้อมอัตราทดใหม่ที่ช่วยให้ออกตัวได้ดีขึ้นแม้บรรทุกหนัก และยังคงให้ความประหยัดน้ำมันที่ความเร็วสูง ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการสมรรถนะและความทนทานในการทำงานเป็นหลัก
เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE: พลังสูงสุด…กำหนดโลก!
สำหรับผู้ที่ต้องการพละกำลังสูงสุด อิซูซุยังคงมีเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งมอบพลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที พร้อม E-VGS TURBO ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ที่เพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองดียิ่งขึ้นในทุกช่วงความเร็ว ซึ่งเป็นขุมพลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการ “ความแรงเครื่องยนต์ดีเซล” และสมรรถนะขั้นสุดยอดในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการลากจูง การบรรทุกหนัก หรือการเดินทางไกลที่ต้องการอัตราเร่งที่มั่นใจได้ มีให้เลือกทั้งในรถ “Isuzu D-Max 2025” และ “Isuzu MU-X 2025”
ไลน์อัพรถยนต์อิซูซุ 2025: พร้อมลุยทุกเส้นทาง
อิซูซุได้เปิดตัวไลน์อัพรถยนต์รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมขุมพลัง Ddi MAXFORCE เจเนอเรชันใหม่นี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
NEW! MU-X The Next Peak: กำหนดจุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่า
“Isuzu MU-X 2025” ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด The Next Peak เพื่อก้าวข้ามทุกขีดจำกัด และกำหนดมาตรฐานใหม่ของรถยนต์อเนกประสงค์ SUV 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ ที่ไม่เพียงแต่เป็น “รถครอบครัว 2025” แต่ยังเป็นรถคู่ใจที่พร้อมพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต
NEW! MU-X The Next Peak รุ่น RS (2.2 Ddi MAXFORCE): การเพิ่มไลน์อัพใหม่ในรุ่น RS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE (ขับเคลื่อนสองล้อ) สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับสมรรถนะที่เร้าใจ และการตอบสนองที่ฉับไวในแพ็กเกจที่หรูหราและสปอร์ตยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ที่มาพร้อม “ความแรงเครื่องยนต์ดีเซล” ที่เหนือความคาดหมาย
MU-X Ddi MAXFORCE (2.2 & 3.0): ทุกรุ่นของ MU-X ตั้งแต่ Active, Elegant, Ultimate ไปจนถึง RS และ RS 4×4 จะได้รับอานิสงส์จากเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE ใหม่นี้ มอบทั้งความประหยัด ความนุ่มนวล และพละกำลังที่เพียงพอสำหรับการเดินทางในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการผจญภัยในเส้นทางที่ท้าทาย
ราคาจำหน่าย MU-X ในแต่ละรุ่น (โดยประมาณ ณ ปี 2025):
NEW! MU-X RS 4×4 ราคาตั้งแต่ 1,759,000 – 1,771,000 บาท
NEW! MU-X RS ราคาตั้งแต่ 1,624,000 – 1,671,000 บาท
NEW! MU-X Ultimate ราคาตั้งแต่ 1,554,000 – 1,601,000 บาท
NEW! MU-X Elegant ราคาตั้งแต่ 1,429,000 – 1,476,000 บาท
NEW! MU-X Active ราคาตั้งแต่ 1,194,000 – 1,206,000 บาท
รถปิกอัพอิซูซุ ดีแมคซ์ 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE: พลังใหม่…กำหนดโลก
“Isuzu D-Max 2025” ยังคงยืนหยัดในฐานะ “รถกระบะประหยัดน้ำมัน” และ “รถยนต์เพื่อธุรกิจ” ที่แข็งแกร่งที่สุดในตลาด ด้วยขุมพลัง Ddi MAXFORCE ใหม่ ที่เสริมสมรรถนะให้เหนือชั้นในทุกมิติ
NEW! ISUZU V-CROSS 4×4 เกรด ZP (3.0 Ddi MAXFORCE): สำหรับผู้ที่รักการผจญภัยและ “รถกระบะออฟโรด” โดยเฉพาะ รุ่น V-CROSS 4×4 เกรด ZP ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE จะมอบประสบการณ์การขับขี่แบบ 4×4 ที่เร้าใจและมั่นใจในทุกสภาพเส้นทาง
NEW! ISUZU D-MAX Spark 4×4 เกรด S (3.0 Ddi MAXFORCE): “รถกระบะใช้งาน” ที่แท้จริง ด้วยเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ตอบโจทย์การบรรทุกหนักและการใช้งานเชิงพาณิชย์ที่ต้องการความทนทานและประสิทธิภาพสูงสุด
สีใหม่! สีเทา Elbrus Grey Opaque: การเพิ่มสีใหม่ เทา เอลบรุส โอเพค เสริมนิยามความหรูหราและทันสมัยให้กับรถปิกอัพอิซูซุ ดีแมคซ์ ให้โดดเด่นและมีสไตล์มากยิ่งขึ้น
ราคาจำหน่ายอิซูซุ ดีแมคซ์ ในแต่ละรุ่น (โดยประมาณ ณ ปี 2025):
NEW! ISUZU V-Cross 4×4 รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 937,000 – 1,284,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Hi-Lander รุ่น 4 ประตู และ 2 ประตู ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 778,000 – 1,171,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Cab4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 749,000 – 902,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spacecab ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 668,000 – 784,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark 4×4 ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 740,000 – 787,000 บาท
NEW! ISUZU D-MAX Spark ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 558,000 – 655,000 บาท
สัมผัสประสบการณ์ขับขี่: เหนือความคาดหมายในทุกเส้นทาง
ในการเปิดตัวครั้งนี้ อิซูซุยังได้จัดให้มีการทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์ใหม่บนสนามแข่งระดับโลกอย่างสนามช้างฯ ซึ่งผมเองก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมนี้ด้วยตัวเอง
ISUZU D-Max Hi-lander 2.2 Ddi MAXFORCE:
ผมเริ่มต้นการทดสอบด้วย “รถกระบะ Isuzu D-Max Hi-lander 2.2 Ddi MAXFORCE” และต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ใหม่เกินความคาดหมายตั้งแต่เริ่มออกตัว สิ่งที่โดดเด่นคือพละกำลังที่มีมาให้ใช้งานตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,600 รอบ/นาที ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากที่สุด ทำให้ผมไม่ต้องใช้คันเร่งมากนัก รถก็สามารถทะยานออกไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล จังหวะเร่งแซงก็ทำได้อย่างมั่นใจ ไม่มีการรอรอบให้หงุดหงิด ด้วยการทำงานของเทอร์โบลูกใหม่ (E-VGS TURBO) ที่ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ มอบพละกำลังที่ต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว
เสียงเครื่องยนต์ในห้องโดยสารก็เป็นอีกจุดที่ประทับใจอย่างมาก เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1.9 ลิตร รุ่นก่อน ผมสัมผัสได้ถึงความเงียบที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่สตาร์ทเครื่องยนต์ และยังคงความเงียบแม้ในจังหวะเร่งแซงหนักๆ การทำงานของเครื่องยนต์มีความราบเรียบกว่าเดิมมาก กดคันเร่งในขณะที่รถหยุดนิ่งก็รู้สึกได้ว่ารอบเครื่องยนต์มาเร็วขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันมีความผ่อนคลายและสบายมากยิ่งขึ้น
ส่วน “ระบบส่งกำลังรถยนต์” เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด REV TRONIC คือพระเอกอีกคนของการทดสอบนี้ การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างราบรื่นและนุ่มนวล ไร้รอยต่อ ทำให้ไม่รู้สึกถึงอาการกระตุกหรือสะดุด จังหวะการตอบสนองเมื่อต้องการเร่งแซงก็ทำได้ดี Paddle Shift ที่พวงมาลัยก็ทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เมื่อต้องการลดเกียร์เพื่อเรียกอัตราเร่ง ระบบจะตอบสนองอย่างต่อเนื่องและฉับไว สิ่งที่น่าทึ่งคือความสามารถในการช่วยประหยัดน้ำมัน ด้วยเกียร์ที่มีให้ใช้งานถึง 8 สปีด เมื่อผมขับขี่ด้วยความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. ในเกียร์ 8 รอบเครื่องยนต์ขึ้นไปเพียง 1,900-1,950 รอบ/นาที เท่านั้น ซึ่งอัตราทดนี้จะช่วยให้ “Isuzu D-Max ราคา” คุ้มค่าในระยะยาวด้วยการประหยัดน้ำมันได้อย่างแน่นอน (ซึ่งจะต้องทดสอบวิ่งยาวเพื่อยืนยันตัวเลขที่ชัดเจน)
MU-X The Next Peak 2.2 Ddi MAXFORCE:
ถัดมาคือ “Isuzu MU-X The Next Peak 2.2 Ddi MAXFORCE” แม้ว่าเครื่องยนต์จะเป็นบล็อกเดียวกันกับ D-Max แต่ด้วยน้ำหนักตัวรถที่มากกว่าเล็กน้อย ทำให้อัตราเร่งอาจจะไม่ได้พุ่งทะยานเท่ารถกระบะ แต่สิ่งที่โดดเด่นอย่างมากคือความไหลลื่นและความนุ่มนวลของการเปลี่ยนเกียร์ เมื่อนำมาอยู่ใน MU-X ซึ่งเป็น “รถยนต์อเนกประสงค์” ที่เน้นความสบายในการเดินทาง เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด REV TRONIC ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง การขับขี่ในระยะทางไกลๆ หรือแม้แต่การใช้งานในเมือง ก็ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายและไร้ความเครียด ซึ่งตอบโจทย์การใช้งาน “Isuzu MU-X รีวิว” สำหรับครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายและความมั่นใจในการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การทดสอบ Slope Station: พิชิตทุกอุปสรรค
อิซูซุยังได้จำลองสถานการณ์ “Slope Station” หรือการทดสอบการขับขี่ขึ้นและลงเนินชัน 18 องศา พร้อมโหลดน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม ซึ่งเป็นการทดสอบความสามารถในการลากจูงและกำลังเครื่องยนต์ภายใต้ภาระหนัก โดยใช้รถปิกอัพ NEW! ISUZU D-MAX Spacecab M/T (เกียร์ธรรมดา) และ NEW! ISUZU D-MAX Spark A/T (เกียร์อัตโนมัติ) ผลการทดสอบแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE ที่สามารถนำพารถขึ้นเนินได้อย่างง่ายดาย แม้จะมีน้ำหนักบรรทุกเต็มพิกัด การส่งกำลังทำได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ทั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง “ความทนทานเครื่องยนต์ Isuzu” ที่เป็นจุดแข็งมาโดยตลอด และยังคงรักษามาตรฐานระดับโลกนี้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
บทสรุป: อนาคตที่สดใสของอิซูซุ 2025
การเปิดตัวเครื่องยนต์ Ddi MAXFORCE เจเนอเรชันใหม่ในปี 2025 นี้ ไม่ใช่แค่การนำเสนอเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ แต่เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของอิซูซุในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านสมรรถนะ “ความแรงเครื่องยนต์ดีเซล” ความประหยัดน้ำมัน ความทนทาน และความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยไลน์อัพรถยนต์ที่ครอบคลุมทั้ง “รถกระบะ” และ “รถ SUV 7 ที่นั่ง” อิซูซุพร้อมแล้วที่จะนำพาผู้ใช้งานทุกคนก้าวเข้าสู่ “อนาคตแห่งการขับเคลื่อน” ที่สมบูรณ์แบบและยั่งยืนอย่างแท้จริง

