อีซูซุ 2025: ปฏิวัติขุมพลังดีเซลด้วย 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE – พลังใหม่ กำหนดโลกแห่งการขับเคลื่อน
ปี 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของวงการยานยนต์ไทย เมื่ออีซูซุ ผู้นำตลาดรถปิกอัพและรถอเนกประสงค์ ได้ประกาศเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ นั่นคือ 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE ซึ่งมาพร้อมสโลแกนอันทรงพลัง “The FORCE of FUTURE” และ “พลังใหม่…กำหนดโลก!” การมาถึงของขุมพลังแห่งอนาคตนี้ไม่ได้เป็นเพียงการอัปเกรดเครื่องยนต์ทั่วไป แต่เป็นการปฏิวัติสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน ที่จะยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในทุกมิติ และยังตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์ของอีซูซุในการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงไว้ซึ่งพละกำลังอันเป็นเอกลักษณ์
ตลาดรถยนต์ในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งจากมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดขึ้น ความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และความต้องการของผู้บริโภคที่มองหารถยนต์ที่คุ้มค่า ประหยัด และมีเทคโนโลยีล้ำสมัย อีซูซุในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องยนต์ดีเซลมากว่าทศวรรษ จึงได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทั้งหมดมาหลอมรวม เพื่อสร้างสรรค์เครื่องยนต์ “MAXFORCE” ที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ แต่ยังก้าวล้ำนำหน้าไปไกลกว่าที่เคยมีมา
2.2 Ddi MAXFORCE: พลังแห่งอนาคตที่เข้าถึงได้
หัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้คือเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตรใหม่ (2.2 Ddi MAXFORCE) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด ด้วยโครงสร้างแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) เครื่องยนต์บล็อกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อมอบสมรรถนะที่ “เร็วขึ้น แรงขึ้น และประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น” พร้อมกับค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากวิศวกรรมที่พิถีพิถันและการเลือกใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์ด้านความทนทานอันเป็นที่เลื่องลือของอีซูซุ
เจาะลึกเทคโนโลยี 2.2 Ddi MAXFORCE: เบื้องหลังความเหนือกว่า
เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใด 2.2 Ddi MAXFORCE จึงเป็น “พลังแห่งอนาคต” เราจำเป็นต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบทางเทคนิคที่อีซูซุได้นำมาประยุกต์ใช้:
พละกำลังและแรงบิดที่เหนือชั้น:
เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE มอบกำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ช่วงรอบเครื่องยนต์กว้างตั้งแต่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือแรงบิดในช่วงออกตัวที่เพิ่มขึ้นถึง 56% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขบนกระดาษ แต่สัมผัสได้จริงถึงการตอบสนองที่ฉับไว ออกตัวได้รวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือการเร่งแซงบนทางหลวง ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่และเพิ่มความมั่นใจในการควบคุมรถยนต์
นวัตกรรมเพื่อการประหยัดน้ำมันสูงสุด:
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในรุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกรด L ที่สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 10.7% ซึ่งเป็นการปรับปรุงที่เห็นผลอย่างชัดเจนสำหรับผู้ใช้งาน ด้วยนวัตกรรมหลักดังนี้:
หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa. (ใหม่!): ระบบหัวฉีดใหม่นี้สามารถจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยแรงดันที่สูงกว่าเดิมมากถึง 250 เมกะพาสคาล ช่วยให้ละอองน้ำมันมีขนาดเล็กลง กระจายตัวได้ดีขึ้น และผสมกับอากาศได้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงอย่างเห็นได้ชัด
ECM แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูง (ใหม่!): หน่วยควบคุมเครื่องยนต์ (Engine Control Module) แบบ Multi-Core ใหม่นี้ เปรียบเสมือนสมองกลอัจฉริยะที่ประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับทุกสภาวะการขับขี่แบบเรียลไทม์ ทำให้การจ่ายน้ำมันและการจุดระเบิดมีความแม่นยำสูงสุด ส่งผลต่อสมรรถนะและการประหยัดน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ
E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ใหม่!): ระบบเทอร์โบแปรผันที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่นี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำในทุกช่วงรอบเครื่องยนต์ ช่วยลดอาการรอรอบ (Turbo Lag) ทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้ทันใจในทุกจังหวะการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการออกตัว หรือการเร่งแซง
ห้องเผาไหม้แบบ HIGH SWIRL (ใหม่!): การออกแบบห้องเผาไหม้ให้มีลักษณะเป็น “High Swirl” หรือการปั่นป่วนของอากาศที่สูงขึ้น ช่วยให้การผสมผสานระหว่างอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นไปอย่างทั่วถึงและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดการเกิดเขม่าควัน
ลูกสูบใหม่ ULTRA-LOW FRICTION (ใหม่!): ลูกสูบที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีแรงเสียดทานต่ำเป็นพิเศษ ช่วยลดการสูญเสียพลังงานภายในเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เสื้อสูบแกร่งพิเศษ แบบ EXTREME STRENGTH: เสื้อสูบที่ผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มความทนทานและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ แม้จะต้องเผชิญกับการทำงานภายใต้แรงดันและความร้อนสูง
ระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่! HI-FLOW และชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า TIMING GEAR & CHAIN: การปรับปรุงระบบหล่อลื่นให้มีการไหลเวียนที่ดีขึ้น พร้อมด้วยชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวที่ใช้เฟืองและโซ่เหล็กกล้าที่แข็งแรงทนทาน ช่วยให้การทำงานของเครื่องยนต์มีความเสถียร ลดการสึกหรอ และเพิ่มความน่าเชื่อถือในระยะยาว
3.0 Ddi MAXFORCE: พลังสูงสุดเพื่อทุกการใช้งาน
สำหรับผู้ที่ต้องการพละกำลังสูงสุดเพื่อการบรรทุกหนัก การลากจูง หรือการขับขี่แบบออฟโรด อีซูซุยังคงนำเสนอเครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดให้เป็น “พลังใหม่…กำหนดโลก!” เครื่องยนต์บล็อกนี้ให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดมหาศาลถึง 450 นิวตัน-เมตร ที่ช่วงรอบเครื่องยนต์ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที ด้วย E-VGS TURBO ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองดียิ่งขึ้นในทุกช่วงความเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการออกตัว การเร่งแซง หรือการขับขี่บนเส้นทางลาดชัน เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE พร้อมรับมือทุกความท้าทายได้อย่างเหนือชั้น
ระบบส่งกำลังใหม่: ประสานพลังขับเคลื่อนให้สมบูรณ์แบบ
นอกจากเครื่องยนต์อันทรงพลังแล้ว อีซูซุยังได้พัฒนาระบบส่งกำลังใหม่ เพื่อให้การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด:
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ REV TRONIC (ใหม่!): ถือเป็นครั้งแรกของอีซูซุที่นำเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดมาใช้ ด้วยอัตราทดเกียร์ที่ต่อเนื่องและครอบคลุมทุกช่วงความเร็ว ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล ไร้รอยต่อ และยังคงความประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม การมีอัตราทดที่มากขึ้นช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบต่ำลงในขณะใช้ความเร็วสูง ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันและลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร
เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แบบ GENIUS SPORT SHIFT (ใหม่!): สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการควบคุมรถยนต์ด้วยตัวเอง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด GENIUS SPORT SHIFT ได้รับการปรับปรุงอัตราทดใหม่ เพื่อการออกตัวที่ดีขึ้นแม้บรรทุกหนัก และยังคงความประหยัดน้ำมันที่ความเร็วสูง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจและควบคุมได้ดั่งใจ
ISUZU MU-X The Next Peak 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE: นิยามใหม่ของรถอเนกประสงค์
การมาถึงของเครื่องยนต์ MAXFORCE ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในรถปิกอัพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรถอเนกประสงค์ยอดนิยมอย่าง ISUZU MU-X ซึ่งได้รับการยกระดับสู่ “The Next Peak” หรือจุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่า ด้วยเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE
เพิ่มไลน์อัพใหม่! NEW! MU-X The Next Peak รุ่น RS: นี่คือการเพิ่มมิติใหม่ให้กับ MU-X ด้วยรุ่น RS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE โดยเฉพาะในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ การผสมผสานระหว่างสมรรถนะของเครื่องยนต์ใหม่ กับความหรูหราและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันครบครันของรุ่น RS ทำให้ MU-X RS พุ่งทะยานสู่จุดพีคที่สุดของสมรรถนะที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมให้คุณฝ่าทุกอุปสรรคอย่างไร้ขีดจำกัด และมุ่งสู่จุดสูงสุดในทุกการเดินทาง
ราคาจำหน่าย NEW! MU-X (อัปเดต 2025):
NEW! MU-X RS 4×4: ราคาตั้งแต่ 1,759,000 – 1,771,000 บาท (สำหรับผู้ที่ต้องการที่สุดแห่งความหรูหราและสมรรถนะในทุกสภาพเส้นทาง)
NEW! MU-X RS: ราคาตั้งแต่ 1,624,000 – 1,671,000 บาท (ที่สุดแห่งความสปอร์ตพรีเมียม ขับเคลื่อนสองล้อ)
NEW! MU-X Ultimate: ราคาตั้งแต่ 1,554,000 – 1,601,000 บาท (รุ่นท็อปสุดสำหรับความสะดวกสบายและความปลอดภัยครบครัน)
NEW! MU-X Elegant: ราคาตั้งแต่ 1,429,000 – 1,476,000 บาท (ความลงตัวของดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน)
NEW! MU-X Active: ราคาตั้งแต่ 1,194,000 – 1,206,000 บาท (จุดเริ่มต้นของรถอเนกประสงค์ที่คุ้มค่าและใช้งานได้หลากหลาย)
ISUZU D-MAX 2.2 & 3.0 Ddi MAXFORCE: พลังใหม่…กำหนดโลกแห่งรถปิกอัพ
สำหรับรถปิกอัพในตำนานอย่าง ISUZU D-MAX ขุมพลัง MAXFORCE ได้เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับไลน์อัพรถกระบะหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน
เพิ่มไลน์อัพใหม่! ISUZU V-CROSS 4×4 เกรด ZP เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE: สำหรับสายลุยตัวจริงที่ต้องการสมรรถนะออฟโรดสูงสุด ผสานกับความสะดวกสบายของเกียร์อัตโนมัติ
เพิ่มไลน์อัพใหม่! ISUZU D-MAX Spark 4×4 เกรด S เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องยนต์ 3.0 Ddi MAXFORCE: ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการรถปิกอัพเพื่อการพาณิชย์ที่มีพละกำลังมหาศาล และความสะดวกสบายในการขับขี่ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเพื่อทุกสภาพเส้นทาง
สีใหม่! สีเทา Elbrus Grey Opaque (เทา เอลบรุส โอเพค): เสริมนิยามความหรูหราและทันสมัยให้กับรถปิกอัพอีซูซุ ดีแมคซ์ ทำให้รถดูโดดเด่นและมีระดับมากยิ่งขึ้น
ราคาจำหน่าย ISUZU D-MAX (อัปเดต 2025):
NEW! ISUZU V-Cross 4×4 (4 ประตู และ 2 ประตู): ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 937,000 – 1,284,000 บาท (สุดยอดรถปิกอัพ 4×4 สำหรับผู้ที่รักการผจญภัย)
NEW! ISUZU D-MAX Hi-Lander (4 ประตู และ 2 ประตู): ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 778,000 – 1,171,000 บาท (รถปิกอัพยกสูงยอดนิยม พร้อมความสะดวกสบายและสมรรถนะที่ลงตัว)
NEW! ISUZU D-MAX Cab4: ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 749,000 – 902,000 บาท (รถปิกอัพ 4 ประตู ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานส่วนตัวและครอบครัว)
NEW! ISUZU D-MAX Spacecab: ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 668,000 – 784,000 บาท (รถปิกอัพตอนครึ่งที่ตอบโจทย์การบรรทุกและใช้งานทั่วไป)
NEW! ISUZU D-MAX Spark 4×4: ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 740,000 – 787,000 บาท (รถปิกอัพตอนเดียว 4×4 สำหรับงานหนักทุกรูปแบบ)
NEW! ISUZU D-MAX Spark: ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 558,000 – 655,000 บาท (รถปิกอัพตอนเดียวที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการพาณิชย์)
ประสบการณ์การทดสอบขับขี่: สัมผัสพลัง MAXFORCE ในสนามระดับโลก
เพื่อพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่า อีซูซุได้จัดการทดสอบขับขี่เครื่องยนต์ใหม่ในสนามแข่งระดับโลกอย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และสถานีทดสอบสมรรถนะต่างๆ ทำให้เราได้สัมผัสถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน
ISUZU D-Max Hi-lander 2.2 Ddi MAXFORCE (รุ่นทดสอบ):
สมรรถนะเกินคาดตั้งแต่เริ่มต้น: สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือการตอบสนองที่ฉับไวตั้งแต่ออกตัว จุดเด่นของเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE คือการมีกำลังและแรงบิดมาให้ใช้งานตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,600 รอบ/นาที ทำให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องกดคันเร่งมากนัก รถก็สามารถทะยานออกไปได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปที่มักจะมีช่วงรอรอบ
การเร่งแซงที่มั่นใจ: ในจังหวะเร่งแซงบนสนาม เครื่องยนต์ใหม่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีอาการรอรอบแต่อย่างใด ด้วยการทำงานของเทอร์โบลูกใหม่ E-VGS TURBO ที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ พละกำลังจึงมาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแซงรถคันหน้าได้อย่างปลอดภัย
ความเงียบและความราบรื่นของเครื่องยนต์: เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 1.9 ลิตรรุ่นก่อนหน้า เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE มีระดับเสียงที่เงียบลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่สตาร์ทเครื่องยนต์ และยังคงความเงียบในขณะเร่งแซง นอกจากนี้ การทำงานของเครื่องยนต์ยังมีความราบรื่นกว่า ไม่มีการสั่นสะเทือนที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบภายในที่ลดแรงเสียดทานและเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสได้ถึงรอบเครื่องยนต์ที่มาเร็วขึ้นเมื่อลองกดคันเร่งขณะรถจอดนิ่ง
เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด REV TRONIC: พระเอกตัวจริง: เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดใหม่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สร้างความประทับใจอย่างมาก การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว ช่วยให้การขับขี่สนุกเร้าใจโดยไม่รู้สึกถึงการกระตุก การตอบสนองของเกียร์ในจังหวะเร่งแซงก็ทำได้ดีเยี่ยม ไม่มีการลังเล การใช้งาน Paddle Shift เพื่อลดเกียร์หรือเพิ่มเกียร์ก็ทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
หัวใจสำคัญของการประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์ใหม่นี้ยังอยู่ที่เกียร์ 8 สปีดนี้เอง เมื่อทดลองวิ่งด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. ในเกียร์ 8 รอบเครื่องยนต์อยู่ที่เพียง 1,900-1,950 รอบ/นาที เท่านั้น อัตราทดเช่นนี้จะช่วยลดการทำงานหนักของเครื่องยนต์และลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่ทางไกลที่ความเร็วคงที่ การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงคือประโยชน์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับอย่างเต็มที่
MU-X The Next Peak 2.2 Ddi MAXFORCE (รุ่นทดสอบ):
ความลงตัวกับรถอเนกประสงค์: แม้ว่า MU-X จะมีน้ำหนักตัวรถที่มากกว่า D-Max แต่เมื่อเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ถูกนำมาวางใน MU-X ก็ยังคงมอบสมรรถนะที่น่าประทับใจ อัตราเร่งอาจจะไม่ได้จัดจ้านเท่า D-Max ด้วยน้ำหนักที่มากกว่า แต่สิ่งที่โดดเด่นคือความไหลลื่นของการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับรถอเนกประสงค์ที่เน้นความสบายในการเดินทาง
ความสบายในการขับขี่และการโดยสาร: เกียร์ใหม่ทำงานได้เป็นอย่างดีในการเสริมสร้างความสบายในการขับขี่ ทำให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปอย่างผ่อนคลาย ไม่มีการกระตุก หรือเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ที่ไม่พึงประสงค์ ตอบโจทย์การใช้งานของรถครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลและเงียบสงบตลอดเส้นทาง
Slope Station: บทพิสูจน์ขุมพลังใต้แรงกดดัน
นอกจากการทดสอบบนสนามแข่งแล้ว ยังมีการทดสอบที่สำคัญอย่าง Slope Station ซึ่งเป็นการขับรถขึ้นและลงเนินชัน 18 องศา พร้อมโหลดน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม ด้วยรถปิกอัพ NEW! ISUZU D-MAX Spacecab M/T และ NEW! ISUZU D-MAX Spark A/T
การทดสอบนี้เป็นการจำลองสถานการณ์การใช้งานจริงที่ต้องบรรทุกสัมภาระหนักและขับขึ้นทางลาดชัน ซึ่งเครื่องยนต์ MAXFORCE ทั้งสองรุ่นสามารถผ่านบททดสอบนี้ได้อย่างสบายๆ แสดงให้เห็นถึงพละกำลังและแรงบิดที่มีมาให้อย่างเหลือเฟือแม้ในสภาวะที่มีภาระหนัก ระบบเกียร์ทั้งแบบธรรมดาและอัตโนมัติก็สามารถจัดการกับแรงบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รถสามารถไต่ขึ้นเนินได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย การทดสอบนี้ตอกย้ำถึงความสามารถของเครื่องยนต์ MAXFORCE ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเร็ว แต่ยังทรงพลังและพร้อมลุยงานหนักได้อย่างแท้จริง
อีซูซุ 2025: ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งยานยนต์ที่ยั่งยืน
การเปิดตัวเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE ถือเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของอีซูซุในการมุ่งสู่โลกแห่งยานยนต์ที่ยั่งยืน เครื่องยนต์ใหม่เหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้สมรรถนะที่เหนือกว่าและประหยัดน้ำมันมากขึ้น แต่ยังคงรักษาความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยค่า CO2 ที่ต่ำที่สุดในระดับเดียวกัน
อีซูซุยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่หลากหลายเพื่อรองรับพลังงานทางเลือกในอนาคต พร้อมตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก ด้วยการคงไว้ซึ่งเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาด อีซูซุจึงมีตัวเลือกเครื่องยนต์ที่หลากหลายที่สุดในตลาด เพื่อตอบสนองความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกันของผู้บริโภค
บทสรุป
อีซูซุ 2025 กับขุมพลัง 2.2 Ddi MAXFORCE และ 3.0 Ddi MAXFORCE คือก้าวสำคัญที่ไม่ได้เป็นเพียงการพัฒนาเครื่องยนต์ แต่เป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับวงการยานยนต์ดีเซล ด้วยสมรรถนะที่เร็วขึ้น แรงขึ้น ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผสานกับระบบส่งกำลังใหม่ที่ยอดเยี่ยม และการออกแบบยานยนต์ที่ทันสมัย อีซูซุพร้อมแล้วที่จะนำพาผู้ขับขี่ทุกคนไปสู่ “พลังใหม่…กำหนดโลก!” และเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง ผู้ที่สนใจไม่ควรพลาดที่จะไปสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่านี้ด้วยตัวคุณเองที่โชว์รูมอีซูซุทั่วประเทศ เพื่อค้นพบว่าเหตุใดเครื่องยนต์ MAXFORCE จึงเป็นขุมพลังที่แท้จริงแห่งอนาคตที่คุณรอคอย

