Leapmotor B10: ดาวดวงใหม่แห่งวงการ B-SUV ไฟฟ้า สู่ตลาดไทยปี 2025
ปี 2025 ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การแข่งขันดุเดือดขึ้นทุกขณะ แบรนด์หน้าใหม่และเก่าต่างงัดกลยุทธ์มาประชันกันอย่างเข้มข้น เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคชาวไทยเองก็เปิดใจยอมรับเทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและความต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง ท่ามกลางสมรภูมินี้ “Leapmotor B10” น้องเล็กจากค่าย Leapmotor ภายใต้การนำเข้าอย่างเป็นทางการโดย PNA Group (พระนครยนตรการ) และการสนับสนุนจากกลุ่ม Stellantis เตรียมก้าวเข้าสู่สังเวียน B-SUV ไฟฟ้า เต็มตัว พร้อมชูจุดเด่นที่น่าจับตาในทุกมิติ
จากความพยายามในการแนะนำ Leapmotor C10 สู่ตลาดก่อนหน้านี้ แม้จะได้รับเสียงชื่นชมด้านวิศวกรรมช่วงล่างที่ปรับจูนโดยทีมงานจาก Maserati แต่ยอดขายก็ยังไม่พุ่งทะยานเท่าที่คาดหวังได้ ทำให้การเปิดตัว Leapmotor B10 ในช่วงปลายปี 2025 นี้ ถือเป็นความหวังครั้งใหม่และเป็นเดิมพันสำคัญของแบรนด์ที่จะพิสูจน์ตัวเองในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ Leapmotor B10 เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมว่าทำไม รถ EV รุ่นนี้ถึงคู่ควรแก่การพิจารณา และจะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่ม B-SUV ได้อย่างไร
ก้าวสำคัญของ Leapmotor ในตลาดไทย: การวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของ B10
ตลาด B-SUV ไฟฟ้าในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก ผู้ผลิตหลายรายต่างพยายามนำเสนอรถยนต์ที่ผสมผสานระหว่างขนาดกะทัดรัด ความคล่องตัวสไตล์ SUV และประสิทธิภาพของ ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เข้าไว้ด้วยกัน Leapmotor B10 ถูกวางตำแหน่งให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยการนำเสนอ ราคา รถยนต์ไฟฟ้า ที่จับต้องได้ พร้อมฟังก์ชันและสมรรถนะที่เกินความคาดหมาย PNA Group เล็งเห็นถึงศักยภาพของ B10 ที่จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้าคุ้มค่า สำหรับการใช้งานในเมืองและเดินทางข้ามจังหวัดได้ โดยยังคงเอกลักษณ์ด้านดีไซน์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ยุคใหม่
พลิกโฉมดีไซน์และมิติ: ความลงตัวของ Leapmotor B10
Leapmotor B10 มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ทันสมัย โฉบเฉี่ยว และโดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ด้วยเส้นสายที่ดูสปอร์ตและลงตัวตามแบบฉบับของ B-SUV ไฟฟ้า โคมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED เต็มระบบ ให้ความสว่างชัดเจนและสร้างเอกลักษณ์ยามค่ำคืน การออกแบบโดยรวมสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Leapmotor ที่ต้องการนำเสนอรถยนต์ที่ผสมผสานความสวยงามเข้ากับหลักอากาศพลศาสตร์ได้อย่างลงตัว
ในส่วนของ มิติตัวถัง Leapmotor B10 มีขนาดที่น่าสนใจ โดยมีความยาว 4,515 มิลลิเมตร กว้าง 1,885 มิลลิเมตร สูง 1,655 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Leapmotor C10 ที่มีขนาดใหญ่กว่า (4,739 x 1,900 x 1,680 มม. | ฐานล้อ 2,825 มม.) B10 แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบในด้านความคล่องตัวในการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่น และความสะดวกในการจอดรถในพื้นที่จำกัด ระยะฐานล้อที่ยาวพอสมควรยังคงให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางเกินคาด สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารทุกคน ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล
การใช้ล้ออัลลอย Star Sports ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/50 R18 ไม่เพียงแต่เสริมความหล่อเหลาให้กับตัวรถ แต่ยังส่งผลดีต่อการยึดเกาะถนนและสมรรถนะการขับขี่โดยรวม ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 170 มิลลิเมตร ก็ถือว่ากำลังพอเหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพถนนของประเทศไทย
ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะที่ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง
หัวใจหลักของ Leapmotor B10 คือ ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มอบสมรรถนะอันน่าประทับใจ มีให้เลือก 2 รูปแบบตามความจุ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า โดยทั้งสองรุ่นย่อยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบเดี่ยวที่ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD – Rear-Wheel Drive) มอบพละกำลังสูงสุด 218 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเร่งแซงที่มั่นใจได้
รุ่น Life 56.2 kWh: มาพร้อม แบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) จาก CATL ขนาดความจุ 56.2 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 8 วินาที และความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้น ที่ให้ระยะทางใช้งานที่เหมาะสมและราคาที่เข้าถึงได้
รุ่น Style / Design 67.1 kWh: อัปเกรดมาใช้ แบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) จาก CATL ขนาดความจุ 67.1 kWh เพิ่มระยะทางวิ่งสูงสุดเป็น 516 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ในขณะที่สมรรถนะด้านอัตราเร่งและความเร็วสูงสุดยังคงเดิมที่ 8 วินาที และ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามลำดับ รุ่นนี้จะตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการ ระยะทางวิ่ง รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไกลขึ้น เพื่อความอุ่นใจในการเดินทางระยะไกล หรือลดความถี่ในการชาร์จ
ประสิทธิภาพ รถ EV ของ Leapmotor B10 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่ยังหมายถึงประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบ ไร้มลพิษ และการตอบสนองที่ฉับไวอันเป็นเอกลักษณ์ของ รถ EV ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ MacPherson Strut และด้านหลังแบบอิสระ 4-Links มอบการขับขี่ที่นุ่มนวล มั่นคง และสามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ เหมาะสมกับโครงสร้างของ B-SUV ไฟฟ้า ที่เน้นความสบายและความคล่องตัว
การชาร์จที่รวดเร็วและสะดวกสบาย: ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคพิจารณาเมื่อเลือกซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า คือความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการชาร์จ Leapmotor B10 ได้รับการออกแบบมาให้รองรับการชาร์จทั้งกระแสสลับ (AC) และกระแสตรง (DC) เพื่อให้ตอบรับกับ สถานีชาร์จ EV ที่มีอยู่ทั่วประเทศ
การชาร์จ AC: รองรับสูงสุด 11 kW ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือสถานีชาร์จสาธารณะแบบปกติ
การชาร์จ DC Fast Charging:
รุ่น Life 56.2 kWh รองรับสูงสุด 140 kW
รุ่น Style/Design 67.1 kWh รองรับสูงสุด 168 kW
ด้วย เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว นี้ ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 30% ถึง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 18-20 นาที ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องระยะเวลาในการรอชาร์จและเพิ่มความยืดหยุ่นในการเดินทางได้อย่างมาก
นอกจากนี้ Leapmotor B10 ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L – Vehicle to Load) สูงสุด 3.3 kW ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การตั้งแคมป์, การทำงานนอกสถานที่ หรือแม้แต่เป็นแหล่งพลังงานสำรองยามฉุกเฉิน ฟังก์ชัน V2L นี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการออกแบบ รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่ยังเป็นเหมือน “แบตเตอรี่เคลื่อนที่” ที่พร้อมอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน
ภายในห้องโดยสาร: ความหรูหราที่มาพร้อมเทคโนโลยี
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ Leapmotor B10 คุณจะพบกับการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความทันสมัย ความสบาย และ เทคโนโลยี EV ที่ใช้งานง่าย
พื้นที่และความสบาย: หลังคากระจก Panoramic Roof แบบ Fixed ขนาดใหญ่ ช่วยให้ห้องโดยสารโปร่งโล่งสบาย และมีม่านบังแดดหลังคาที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมระบบกรองฝุ่น PM 2.5 สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่บริสุทธิ์และสดชื่น เบาะนั่งโครงสร้าง 7 ชั้นที่ได้รับการรับรอง OEKO-TEX Certification ให้ความรู้สึกสบายและรองรับสรีระได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเบาะผ้าหรือเบาะหนัง ECO Leather (ในรุ่น Design)
ความยืดหยุ่นในการใช้งาน: เบาะนั่งด้านหลังสามารถแยกพับอิสระแบบ 60:40 และพับได้เรียบ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่เก็บสัมภาระให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลายได้อย่างง่ายดาย
เทคโนโลยีความบันเทิงและการเชื่อมต่อ:
จอมาตรวัด Full Digital LCD แบบสี ขนาด 8.8 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญได้อย่างชัดเจน
หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 14.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ให้ภาพคมชัด และรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (Wireless) ที่จะเริ่มใช้งานได้เต็มรูปแบบในเดือนธันวาคม 2025 ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ผู้ใช้ รถ EV ยุคใหม่ให้ความสำคัญอย่างมาก
ระบบแผนที่นำทาง Here Map ที่มีความแม่นยำ
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) 15W และช่องชาร์จ USB Type C 60W ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเชื่อมต่อที่หลากหลาย
ระบบเสียงที่มีให้เลือกตั้งแต่ 6 ตำแหน่ง (รุ่น Life/Style) ไปจนถึง 12 ตำแหน่ง (รุ่น Design) มอบประสบการณ์ความบันเทิงภายในรถที่เหนือระดับ
รายละเอียดที่ใส่ใจ: การตกแต่งภายในด้วยช่องแอร์โครเมียม แผงประตูบุนุ่ม และพวงมาลัยแบบสปอร์ตสีทูโทนพร้อมสวิตซ์ควบคุมบนพวงมาลัย ล้วนสะท้อนถึงความประณีตในการออกแบบ และในรุ่น Design ยังเพิ่มไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี เพื่อสร้างสุนทรียภาพในการเดินทาง
ระบบความปลอดภัยและผู้ช่วยขับขี่อัจฉริยะ: ก้าวสู่ยุคแห่งการขับขี่ที่มั่นใจ
Leapmotor B10 ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นอันดับแรก ด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงรุกและเชิงรับที่ครบครันตามมาตรฐานสากล พร้อมด้วย ระบบขับขี่อัจฉริยะ หรือ ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) ระดับ L2 ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง
ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน:
ระบบเบรก ABS / EBD / BA
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control)
ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC (Traction Control System)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control)
ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาด BOS (Brake Override System)
ระบบสัญญาณเตือนหยุดรถฉุกเฉิน ESS (Emergency Signal System)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมฟังก์ชัน AVH (Auto Vehicle Hold)
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS ระดับ L2:
มาพร้อมเรดาร์ Ultrasonic 4 ตัว และเซนเซอร์ MMW 2 ตัว เพื่อการทำงานที่แม่นยำ:
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LCC (Lane Centering Control)
ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keeping Assist)
ระบบควบคุมรถฉุกเฉินให้อยู่ในเลน ELKA (Emergency Lane Keeping Assist)
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW (Front Collision Warning)
ระบบเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
ระบบเตือนเมื่อเปิดประตูรถ DOW (Doors Open Warning)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
ระบบเบรกอัตโนมัติ AEB (Advanced Emergency Braking)
ระบบตรวจจับการปล่อยมือบนพวงมาลัย HOD (Hands Off Detection)
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบเบรกอัตโนมัติด้านหลัง RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
ระบบช่วยควบคุมความเร็ว ISA (Intelligent Speed Assist)
ระบบตรวจจับเมื่อคนขับเหนื่อยล้า DDAW (Driver Drowsiness Attention Warning)
ระบบเตือนเมื่อคนขับเหนื่อยล้าขั้นสูง ADDW (Advanced Driver Distraction Warning)
นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัยถึง 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-กลางเบาะคู่หน้า) กล้องรอบคัน 360 องศา และเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้ยกระดับ ความปลอดภัยรถยนต์ไฟฟ้า ของ Leapmotor B10 ให้ทัดเทียมกับคู่แข่งในระดับพรีเมียม
รุ่นย่อยและราคา: ความคุ้มค่าที่เลือกได้
Leapmotor B10 เวอร์ชั่นไทย (นำเข้า CBU จากจีน) มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ซึ่งได้รับการปรับราคาและคุณสมบัติให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2025 โดยแต่ละรุ่นมีการเพิ่มคุณสมบัติเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน:
B10 Life 56.2 kWh (ราคาประมาณ 688,000 บาท):
เป็นรุ่นเริ่มต้นที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุด ด้วย แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ขนาด 56.2 kWh และระยะทางวิ่ง 470 km (NEDC)
เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึง รถยนต์ไฟฟ้า ในราคาที่เข้าถึงได้
B10 Style 67.1 kWh (ราคาประมาณ 748,000 บาท):
สิ่งที่เพิ่มจากรุ่น Life คือ แบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) ขนาดความจุ 67.1 kWh เพิ่มระยะทางวิ่งเป็น 516 km (NEDC)
รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 168 kW ที่เร็วขึ้น
กระจกมองข้างพร้อมระบบไล่ฝ้า เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในสภาพอากาศที่หลากหลาย
B10 Design 67.1 kWh (ราคาประมาณ 788,000 บาท):
เป็นรุ่นท็อปที่จัดเต็มด้วยฟังก์ชันและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน
กระจกหน้าต่างด้านหลังแบบ Privacy Glass เพื่อความเป็นส่วนตัวและความสวยงาม
กระจกมองข้างพับด้วยไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อครถ
ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบาย
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ECO Leather เพิ่มความหรูหรา
เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง
เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบระบายอากาศ (Ventilation Seats) และระบบอุ่น (Heated Seats) มอบความสบายสูงสุดในทุกสภาพอากาศ
ที่วางแขนเบาะนั่งด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว
ลำโพง 12 ตำแหน่ง เพื่อประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์แบบ
การวาง ราคา รถยนต์ไฟฟ้า ในแต่ละรุ่นย่อยของ Leapmotor B10 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ รถยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างแท้จริง พร้อมตัวเลือกที่หลากหลายให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตามงบประมาณและความต้องการ
ภาพรวมตลาดและการคาดการณ์ในอนาคต
Leapmotor B10 เข้ามาในจังหวะที่ตลาด B-SUV ไฟฟ้า กำลังเติบโตอย่างร้อนแรงในประเทศไทย ผู้บริโภคกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ทั้งการเดินทางในเมืองและการผจญภัยในช่วงวันหยุด ด้วยจุดเด่นด้านดีไซน์ สมรรถนะ ระยะทางวิ่ง รถยนต์ไฟฟ้า ที่น่าพอใจ เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน และที่สำคัญคือ ราคา รถยนต์ไฟฟ้า ที่แข่งขันได้ ทำให้ B10 มีศักยภาพที่จะเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญในตลาด รถ EV ของไทย การสนับสนุนจาก PNA Group และกลุ่ม Stellantis ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่เสริมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ทั้งในด้านบริการหลังการขายและเครือข่ายศูนย์บริการ
การเข้ามาของ Leapmotor B10 ในปี 2025 ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันด้าน นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า มากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด ผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้าคันแรก หรือต้องการ อัพเดท รถยนต์ไฟฟ้า คันใหม่ในกลุ่ม B-SUV ไม่ควรมองข้าม Leapmotor B10 รุ่นนี้อย่างเด็ดขาด เพราะนี่อาจเป็นคำตอบของ รถ EV ที่ผสมผสานความคุ้มค่า สมรรถนะ และความทันสมัยได้อย่างลงตัวที่สุดในเวลานี้
Leapmotor B10 จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ รถยนต์ไฟฟ้า อีกรุ่นหนึ่งที่เปิดตัวในตลาด แต่เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยี EV ที่พร้อมจะขับเคลื่อนอนาคตการเดินทางของคนไทยให้ยั่งยืนและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีกขั้น

