บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่: 40 ปีแห่งตำนาน สู่มิติใหม่แห่งขีดสุดสมรรถนะไฮบริด
ในโลกยานยนต์ที่ก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง มีชื่อไม่กี่ชื่อที่สามารถยืนหยัดเป็นสัญลักษณ์แห่งสมรรถนะอันไร้ที่ติ และหนึ่งในนั้นคือ BMW M5 ยนตรกรรมที่สร้างตำนานตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ในปี 2025 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู M5 เจเนอเรชั่นที่ 7 ได้กลับมาตอกย้ำความยิ่งใหญ่ พร้อมพาก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการปฏิวัติครั้งสำคัญ นั่นคือการนำระบบส่งกำลังแบบ M HYBRID มาใช้เป็นครั้งแรกในรถซีดานสมรรถนะสูงระดับตำนานคันนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานของ “รถยนต์สมรรถนะสูง” (High-Performance Car) ไปอีกขั้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างขุมพลังมหาศาลจากเครื่องยนต์สันดาปอันเป็นเอกลักษณ์ของ M และเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าอันล้ำสมัย เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกมิติ
เปิดประสบการณ์ขุมพลัง M HYBRID: หัวใจที่เต้นแรงกว่าเดิม
หัวใจหลักของบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ คือระบบขับเคลื่อน M HYBRID ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างพิถีพิถันเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BMW M ในการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ไม่ใช่แค่การนำมอเตอร์ไฟฟ้ามาเสริมเพื่อลดการปล่อยมลพิษเท่านั้น แต่เป็นการผสานพลังเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้ทะยานไปข้างหน้าอย่างไร้คู่แข่ง ระบบนี้ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.4 ลิตร เทคโนโลยี M TwinPower Turbo อันเลื่องชื่อ ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 430 กิโลวัตต์ หรือ 585 แรงม้า พลังจากเครื่องยนต์สันดาปอันทรงพลังนี้ถูกจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์ หรือ 197 แรงม้า
ผลลัพธ์ที่ได้คือพละกำลังรวมอันน่าทึ่งถึง 535 กิโลวัตต์ หรือ 727 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดมหาศาลถึง 1,000 นิวตันเมตร แรงบิดที่เหลือล้นนี้พร้อมส่งกำลังลงสู่พื้นถนนได้ในพริบตาผ่านเกียร์ M Steptronic 8 จังหวะที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ เพื่อการตอบสนองที่ฉับไวและแม่นยำที่สุด การผสานพลังอันชาญฉลาดนี้ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 3.5 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถท้าทาย “รถสปอร์ตซีดาน” (Sport Sedan) ระดับซูเปอร์คาร์ได้อย่างสบาย และความเร็วสูงสุดที่ถูกจำกัดไว้ที่ 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อมาพร้อม M Driver’s Package ซึ่งสามารถปลดล็อกความเร็วสูงสุดได้ที่ศูนย์บริการบีเอ็มดับเบิลยูหลังจากใช้งานไปแล้ว 2,000 กิโลเมตร สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของยนตรกรรมคันนี้
เทคโนโลยี M HYBRID ไม่ได้เป็นเพียงการนำมอเตอร์ไฟฟ้ามาพ่วงเท่านั้น แต่ยังนำเอาองค์ความรู้และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยจากรถแข่ง endurance ของบีเอ็มดับเบิลยูมาประยุกต์ใช้ ทำให้การตอบสนองต่อคันเร่งเป็นไปอย่างทันท่วงทีและเฉียบคมทุกจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นการออกตัว หรือการเร่งแซง การส่งกำลังที่รวดเร็วทันใจนี้เป็นสิ่งที่ “เทคโนโลยีไฮบริด” (Hybrid Technology) ในรูปแบบ M ได้พิสูจน์แล้วว่าเหนือกว่าเครื่องยนต์สันดาปเพียงอย่างเดียวในบางสถานการณ์ และอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ไม่อาจมองข้ามคือระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ตที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างประณีต มอบเสียงเครื่องยนต์ V8 ที่คำรามกึกก้อง ชวนให้หลงใหล และยังสะดุดตาด้วยปลายท่อไอเสีย Black Chrome ขนาด 100 มิลลิเมตร ที่ดูดุดันและหรูหราไปพร้อมกัน
สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบสงบและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และไม่ว่าจะขับขี่ด้วยไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ ระบบ BMW IconicSounds Electric ก็ยังคงมอบเสียงเครื่องยนต์จำลองที่เพลินหูและตอบสนองทุกการควบคุม ช่วยเสริมอรรถรสในการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์
ช่วงล่างและระบบขับเคลื่อน: ความแม่นยำที่ผสานพละกำลัง
พละกำลังมหาศาลของบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ถูกส่งลงสู่พื้นถนนผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษให้เน้นส่งกำลังไปที่ล้อหลัง เพื่อมอบอารมณ์การขับขี่แบบ “รถขับเคลื่อนล้อหลัง” (Rear-Wheel Drive) ที่เร้าใจอันเป็นเอกลักษณ์ของ M อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกเปิดใช้งานโหมด 2WD เพื่อส่งกำลังไปยังล้อหลังเพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งปิดระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (DSC – Dynamic Stability Control) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ฉับไวและเร้าใจที่สุด เหมาะสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งที่ต้องการการควบคุมอย่างเต็มที่
นอกเหนือจากระบบขับเคลื่อนแล้ว ระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อ Integral Active Steering ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ และเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูงได้อย่างน่าทึ่ง ผสานกับพวงมาลัยแบบ M Servotronic ที่มอบความแม่นยำในการควบคุมและสัมผัสจากพื้นถนนที่ตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้อย่างเฉียบคมในทุกโค้ง
ช่วงล่าง Adaptive M ที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับสมรรถนะระดับ M ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถกำหนดลักษณะการขับขี่ของบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ได้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเลือกเสริมความสะดวกสบายในการเดินทางประจำวัน หรือปรับแต่งให้แข็งแกร่งเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ตเต็มรูปแบบในสนามแข่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ “รถยนต์พรีเมียม” (Premium Car) ระดับนี้ควรจะมี การปรับแต่งทั้งหมดนี้ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ไม่เพียงแค่เร็วและแรง แต่ยังคงความนิ่งและเสถียรภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกันอย่างเห็นได้ชัด
งานดีไซน์ภายนอก: ความสง่างามที่แฝงความดุดัน
บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ยังคงรักษาเอกลักษณ์งานออกแบบที่เปี่ยมด้วยความสง่างามในสไตล์ “รถสปอร์ต” (Sport Car) ตัวแรงเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน การปรากฏตัวของมันดึงดูดทุกสายตาด้วยสัดส่วนที่ลงตัวและรายละเอียดที่สะท้อนถึงขุมพลังภายใน ซุ้มล้อที่ขยายกว้างและสเกิร์ตข้างที่เด่นสะดุดตา ไม่เพียงแต่สร้างความรู้สึกดุดัน แต่ยังเอื้อประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่
ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M ดีไซน์ Double spoke สีดำ ที่ติดตั้งมาในขนาด 20 นิ้วสำหรับคู่หน้า และ 21 นิ้วสำหรับคู่หลัง ไม่เพียงแต่ช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง แต่ยังเสริมรูปลักษณ์ให้ดูทรงพลังและมีมิติ กันชนหน้าที่มีเส้นสายบึกบึนถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศเข้าสู่ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์และระบบเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ทรงความหมายอย่างโลโก้ “M5” ที่ประทับนูนอยู่บนส่วน Hofmeister kink ซึ่งเป็นเอกลักษณ์การออกแบบเสา C ของ BMW ก็ตอกย้ำถึงตำนานและศักดิ์ศรีของตระกูล M ได้อย่างลงตัว
เมื่อมองโดยรวม บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ คือการผสมผสานระหว่างความหรูหรา สง่างาม และความดุดันแบบรถแข่ง ซึ่งเป็นปรัชญาการออกแบบที่ BMW M ยึดมั่นมาตลอด 40 ปี และทำให้ “BMW M5” เป็นที่รู้จักในฐานะรถยนต์ที่ไม่เพียงแต่มีสมรรถนะเหนือชั้น แต่ยังคงความโดดเด่นทางด้านสุนทรียภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ห้องโดยสารภายใน: ความหรูหราที่ผสานสมรรถนะ
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่โอ่อ่า หรูหรา และถูกออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่อย่างแท้จริง การตกแต่งภายในด้วยองค์ประกอบที่คัดสรรมาสำหรับรถยนต์ตระกูล M โดยเฉพาะ เน้นย้ำถึงบุคลิกที่หลากหลาย ที่ผสมผสานความหรูหราขั้นสุดเข้ากับความแรงได้อย่างลงตัว
พวงมาลัยหนัง M ดีไซน์ใหม่ในรูปทรงตัดขอบล่าง พร้อมปุ่ม M แบบมีไฟส่องสว่าง ไม่เพียงแต่ให้สัมผัสที่กระชับมือ แต่ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงการตั้งค่าสมรรถนะต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เบาะนั่ง M multifunction ที่หุ้มด้วยหนัง Merino มาตรฐาน มอบความสบายสูงสุดในการเดินทางระยะไกล และในขณะเดียวกันก็ให้การรองรับที่ดีเยี่ยมเมื่อต้องขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือเข้าโค้งด้วยความเร็ว เบาะนั่งนี้ยังสามารถปรับตำแหน่งต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายสูงสุด
จอแสดงผลโค้ง BMW Curved Display ที่ผสานระหว่างหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่และหน้าจอควบคุมกลางเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว รองรับการแสดงข้อมูลเฉพาะสำหรับรถยนต์ตระกูล M ไม่ว่าจะเป็นมาตรวัด M-specific หรือข้อมูลสมรรถนะต่างๆ ส่วนระบบควบคุม BMW iDrive เวอร์ชันอัปเกรดล่าสุด เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถโต้ตอบกับระบบต่างๆ ของรถผ่านการสัมผัส การสั่งงานด้วยเสียง และการควบคุมผ่านปุ่มหมุน iDrive Controller ได้อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ
บรรยากาศภายในห้องโดยสารยังถูกยกระดับความหรูหราด้วย BMW Interaction Bar ที่มาพร้อมแสงไฟสร้างบรรยากาศ ระบบปรับอากาศแบบ 4 โซนที่ช่วยให้ผู้โดยสารแต่ละคนสามารถตั้งค่าอุณหภูมิที่เหมาะสมกับตนเอง และชุดไฟห้องโดยสารที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ตระกูล M เพื่อสร้างอารมณ์ที่แตกต่างกันไปตามโหมดการขับขี่หรือความชอบส่วนบุคคล
ในด้านความบันเทิงและความสะดวกสบาย บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ไม่ได้มองข้ามสิ่งเหล่านี้ ระบบเสียง Bowers & Wilkins Surround Sound อันทรงพลังมอบคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ แท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน ระบบ Comfort Access ที่ช่วยให้การเข้า-ออกรถเป็นเรื่องง่ายดาย และระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ ล้วนเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์การเป็นเจ้าของ “รถยนต์พรีเมียม” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แผงควบคุมบนคอนโซลกลางของบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ อัดแน่นไปด้วยปุ่มควบคุมฟังก์ชันเฉพาะรุ่นมากมายที่พร้อมให้ผู้ขับขี่ใช้ปรับแต่งการทำงานของตัวรถในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโหมดการทำงานของเครื่องยนต์, ระบบ Drivelogic (การปรับเปลี่ยนเกียร์), ช่วงล่าง, พวงมาลัย, เบรก, หรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive รวมถึงระดับการทำงานของระบบสร้างพลังงานคืนจากเบรก (brake energy regeneration) ผู้ขับขี่ยังสามารถบันทึกการตั้งค่าส่วนตัวที่ชื่นชอบได้ถึงสองแบบเป็นพรีเซ็ต เพื่อเรียกใช้งานได้ทันทีผ่านปุ่ม M บนพวงมาลัย ซึ่งช่วยให้การสลับโหมดการขับขี่เป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย
เมื่อเปลี่ยนโหมดการขับขี่จากโหมด ROAD ซึ่งเป็นโหมดมาตรฐาน ไปเป็น SPORT ระบบจะทำการจำกัดการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้เหลือเฉพาะระบบที่จำเป็น เพื่อรีดเอาความสปอร์ตขั้นสุดออกมา รวมถึงการปรับรูปแบบการแสดงผลบนหน้าจอให้เข้ากับอารมณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้นอีกด้วย
เทคโนโลยีและความปลอดภัย: อัจฉริยะเพื่อการขับขี่ที่มั่นใจ
บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ยกระดับความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ประจำวันขึ้นไปอีกขั้น ด้วย “ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่” (Driver Assistance System) และระบบช่วยจอดอัตโนมัติที่หลากหลายและอัจฉริยะยิ่งขึ้น พร้อมระบบมาตรฐานที่ครบเครื่อง ทั้งระบบ Driving Assistance Professional ซึ่งประกอบไปด้วย:
ระบบเตือนการชนด้านหน้า: ช่วยลดความเสี่ยงของการชนท้าย
ระบบเตือนการออกนอกเลน: พร้อมฟังก์ชันช่วยพารถกลับเข้าเลนด้วยการช่วยบังคับพวงมาลัย เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ระบบช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวาง: ช่วยในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันตรายได้อย่างทันท่วงที
ระบบตรวจจับความตื่นตัวของผู้ขับขี่: ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า
ระบบแสดงความเร็วจำกัด: เพื่อให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Parking Assistant Professional และ Reversing Assistant ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่จัดการกับทุกพื้นที่จอดรถได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการจอดในที่แคบหรือการถอยออกจากซองจอด ระบบเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเครียดในการขับขี่ในเมืองและเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน
ปุ่ม M Hybrid ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในรุ่นนี้ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกระหว่างโหมดการทำงานของระบบไฮบริดได้อย่างอิสระ:
โหมด HYBRID: ผสมผสานพละกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด เพื่อเสริมทั้งความประหยัดพลังงานและสมรรถนะให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือการขับขี่ทางไกล
โหมด ELECTRIC: จะใช้งานเครื่องยนต์สันดาปเฉพาะเมื่อผู้ขับเหยียบคันเร่งจนสุดหรือใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น เหมาะสำหรับการขับขี่ในเขตเมืองที่ต้องการลดการปล่อยมลพิษและลดเสียงรบกวน
โหมด eCONTROL: เน้นการดึงพลังงานคืนจากระบบเบรก เพื่อรักษาระดับแบตเตอรี่ให้คงที่ เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ต้องการสำรองพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ในภายหลัง
เมื่อกดปุ่ม DSC ตัวรถจะเปิดใช้งาน M Dynamic Mode ซึ่งเป็นโหมดที่ระบบ DSC จะช่วยควบคุมระบบเบรกและลดกำลังเครื่องยนต์ในระดับที่อนุญาตให้ผู้ขับขี่สามารถเล่นกับสมรรถนะของรถได้มากขึ้นในสภาพการขับขี่ที่ท้าทาย หรืออาจเลือกปิดการทำงาน DSC โดยสมบูรณ์ก็ได้เช่นกัน เพื่อการควบคุมที่บริสุทธิ์ที่สุดในสนามแข่ง ในขณะที่ระบบ M Drive Professional จะเปิดให้ผู้ขับขี่เลือกโหมด TRACK ซึ่งเป็นโหมดสำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ และใช้งานฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เน้นการขับขี่ที่ระดับสมรรถนะสูงสุดอย่าง M Laptimer สำหรับบันทึกเวลาต่อรอบ และ Boost Control สำหรับการเรียกใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุดในช่วงเวลาสั้นๆ
ราคาและสรุป: ตำนานที่ยังคงก้าวไปข้างหน้า
บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ (2025) ได้รับการตั้งราคาเริ่มต้นที่ 12,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard) และสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขีดสุดแห่งสมรรถนะและประสิทธิภาพการเบรก ยังมีตัวเลือกพร้อมเบรกเซรามิกในราคา 13,699,000 บาท ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับ “ประสบการณ์ขับขี่เหนือระดับ” (Superior Driving Experience) ที่ BMW M5 มอบให้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์ ผมกล้าพูดได้เลยว่า บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ไม่ใช่แค่รถยนต์อีกคันหนึ่งที่ออกสู่ตลาด แต่มันคือการสานต่อตำนานแห่งสมรรถนะ 40 ปี ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลสู่ยุคไฮบริด มันคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างพละกำลังอันดิบเถื่อน เทคโนโลยีล้ำสมัย ความหรูหราสง่างาม และความสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักขับที่มองหาความเร้าใจบนท้องถนน หรือผู้ที่ต้องการสัมผัสสุดยอดวิศวกรรมยานยนต์ในชีวิตประจำวัน บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ พร้อมที่จะตอบสนองทุกความต้องการและพาคุณก้าวข้ามขีดจำกัดไปสู่โลกใบใหม่แห่งการขับขี่อย่างแท้จริง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตำนานบทใหม่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นนี้
(บทความนี้ได้รับการเขียนขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่มีประสบการณ์ 10 ปี เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับ BMW M5 รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ได้รับการยกย่องในด้านนวัตกรรมและสมรรถนะ)
