บีเอ็มดับเบิลยู i7: นิยามใหม่แห่งยนตรกรรมไฟฟ้าสุดหรูสำหรับปี 2025
ในโลกที่ความหรูหราไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่พละกำลังและดีไซน์อันโดดเด่นอีกต่อไป แต่ยังครอบคลุมถึงนวัตกรรม ความยั่งยืน และประสบการณ์การขับขี่ที่ไร้ขีดจำกัด บีเอ็มดับเบิลยู i7 ได้ก้าวเข้ามาเป็นบทสรุปของปรัชญาดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มานานนับทศวรรษ ผมได้เฝ้าจับตาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวงการ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยูได้พิสูจน์ให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลเสมอมา และในวันนี้ ด้วยการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู i7 ยนตรกรรมซีดานไฟฟ้าพรีเมียมแห่งอนาคตสำหรับปี 2025 พวกเขาไม่ได้เพียงแค่นำเสนอรถยนต์ แต่คือก้าวสำคัญในการกำหนดทิศทางใหม่ของความหรูหราบนท้องถนน ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ระดับสูงที่มองหาสุดยอดยานยนต์ไฟฟ้าแห่งยุค
บีเอ็มดับเบิลยู i7 ถูกรังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “FORWARDISM” ที่สะท้อนความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการขับเคลื่อนสู่นวัตกรรมใหม่ ที่ผสมผสานสุนทรียภาพแห่งการขับขี่เข้ากับการขับเคลื่อนที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง เป็นการประกาศยุคใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ยังโดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และสมรรถนะที่เร้าใจ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้าหรูที่เข้มข้นขึ้นในตลาดโลก บีเอ็มดับเบิลยู i7 สามารถยืนหยัดได้อย่างสง่างาม ด้วยตัวเลือกที่หลากหลายถึงสามรุ่นย่อย ได้แก่ BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition), BMW i7 xDrive60 M Sport และ BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ซึ่งแต่ละรุ่นต่างนำเสนอคุณค่าและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของผู้บริหารระดับสูงและผู้ที่ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบได้อย่างไร้ที่ติ นี่คือการลงทุนในอนาคตที่คุ้มค่าในทุกมิติ
ดีไซน์ภายนอก BMW i7: ศิลปะแห่งการเคลื่อนไหวที่สะกดทุกสายตา
เมื่อแรกเห็น บีเอ็มดับเบิลยู i7 จะเผยให้เห็นถึงสุนทรียะแห่งการออกแบบที่ผสานความคลาสสิกของบีเอ็มดับเบิลยูเข้ากับเส้นสายแห่งอนาคตได้อย่างลงตัว ไฟหน้าทรงกลมคู่และกระจังหน้าไตคู่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ได้รับการตีความใหม่ให้มีความทันสมัยและโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระจังหน้าที่มีกรอบเรืองแสง “Iconic Glow” ที่เปล่งประกายงดงามยามค่ำคืน ไม่ได้เป็นเพียงแค่การออกแบบ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความล้ำสมัยที่สะท้อนตัวตนของยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างชัดเจน
ชุดไฟหน้า Adaptive LED ถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบปรับองศาเมื่อเข้าโค้งที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่ยกระดับความหรูหราให้ก้าวไปอีกขั้น คือชุดไฟหน้าคริสตัลสวารอฟสกี้ “Iconic Glow” ซึ่งประกอบด้วยหลอดไฟ LED ถึง 22 ดวง ที่ส่องสว่างผ่านคริสตัลที่ประณีตจากด้านหลัง สร้างมิติของแสงที่หรูหราและแตกต่างไม่เหมือนใคร นอกจากความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว ฟีเจอร์นี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การต้อนรับอันน่าประทับใจ ด้วยกราฟิกแสงระยิบระยับที่เล่นพลิ้วไหวตั้งแต่กระจังหน้าไปจนถึงไฟหน้าคริสตัล และไฟส่องพื้นที่ยามที่ผู้ขับขี่เข้าใกล้ตัวรถ แสดงถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดที่มอบให้แก่เจ้าของ
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา (High-gloss Black) และสปอยเลอร์หลังดีไซน์ M ที่ช่วยเสริมความดุดันและสปอร์ตให้กับรูปลักษณ์โดยรวม บริเวณตัวถังด้านหลังถูกออกแบบด้วยเส้นสายแนวนอนที่เน้นความโอ่อ่าและทรงพลัง พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียมที่ด้านล่างเพื่อสะท้อนความสง่างามระดับพรีเมียม ด้านบนเป็นไฟท้ายรูปตัว ‘L’ ดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมรูปทรงเรขาคณิตแบบกระจกเป็นครั้งแรก เสริมให้ชุดไฟท้ายดูโดดเด่นและมีมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ยิ่งตอกย้ำความแตกต่างจากรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ในตลาด
สำหรับล้ออัลลอยด์ บีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso มาพร้อมกับล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว ที่ตกแต่งด้วยสี Titanium Bronze ขัดเงาลายสามมิติ สร้างความหรูหราและมีสไตล์ ในขณะที่รุ่น BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition) และ BMW i7 xDrive60 M Sport มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 21 นิ้ว แบบสลับสี ที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตและสมรรถนะได้อย่างลงตัว
ทั้งสามรุ่นย่อยมาพร้อมช่วงล่างแบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ ซึ่งสามารถปรับความสูงของตัวรถได้ตามสภาพถนนและความเร็ว เพื่อมอบความนุ่มนวลในการขับขี่สูงสุดและเพิ่มเสถียรภาพในการทรงตัว ขณะที่ระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso นั้น ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยการประมวลผลข้อมูลการขับขี่และสภาพถนน เพื่อปรับการทำงานของช่วงล่างให้เหมาะสมที่สุดแบบเรียลไทม์ ทำให้การเดินทางราบรื่นและสะดวกสบายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู i7 ยังมาพร้อมระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปลดล็อกและสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ มอบความสะดวกสบายในทุกการใช้งาน พร้อมระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตูที่ทำงานได้อย่างเงียบเชียบและนุ่มนวล ยิ่งไปกว่านั้น ในรุ่น BMW i7 xDrive60 M Sport และ BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ยังมีระบบเปิดและปิดประตูอัตโนมัติ ที่เพียงแค่สัมผัสปุ่ม ประตูก็จะเปิดและปิดอย่างนุ่มนวล เป็นการยกระดับความสะดวกสบายในแบบฉบับยนตรกรรมไฟฟ้าพรีเมียมอย่างแท้จริง
ดีไซน์ภายใน BMW i7: ห้องโดยสารส่วนตัวสุดหรูและเป็นมิตร
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู i7 คุณจะสัมผัสได้ถึงการหลอมรวมกันอย่างลงตัวระหว่างความประณีตดุจงานฝีมือ ศักยภาพทางเทคโนโลยี และความสบายที่ถูกยกระดับให้เหนือกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา มันคือการเดินทางสู่โลกส่วนตัวที่ถูกออกแบบมาเพื่อการผ่อนคลายและสร้างแรงบันดาลใจในทุกเส้นทาง เบาะนั่งแบบมัลติฟังก์ชันครบครันทั้งสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลัง ถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ขั้นสูง มอบการรองรับที่สมบูรณ์แบบและปรับเปลี่ยนได้หลากหลายอิริยาบถ
ความพิเศษที่ไม่อาจมองข้ามคือฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งช่วยคลายความเมื่อยล้าระหว่างการเดินทางไกล พร้อมด้วยระบบอุ่นเบาะทุกที่นั่งและระบบระบายอากาศสำหรับเบาะที่นั่งที่สามารถปรับอุณหภูมิได้อย่างอิสระ ทำให้ผู้โดยสารแต่ละท่านได้รับความสบายสูงสุดในทุกสภาพอากาศ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนอากาศและมอบคุณภาพอากาศที่บริสุทธิ์ภายในห้องโดยสาร สร้างบรรยากาศที่สดชื่นและผ่อนคลาย
วัสดุบุหลังคา M Alcantara ในทั้งสามรุ่นย่อยช่วยเพิ่มความรู้สึกหรูหราและสปอร์ตไปพร้อมกัน ในขณะที่ภายในตัวรถตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ถักด้วยวัสดุสีเงินแบบ M และคอนโซลกลางสีดำเงาแบบ Piano Finish Black ซึ่งสะท้อนถึงงานฝีมืออันประณีตและวัสดุคุณภาพสูงที่เลือกใช้ในทุกรายละเอียด การผสมผสานของวัสดุเหล่านี้สร้างความรู้สึกที่ล้ำสมัยและหรูหรา สง่างามไร้กาลเวลา
นิยามใหม่แห่งการเชื่อมต่อและสุนทรียภาพ: เทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะใน BMW i7
บีเอ็มดับเบิลยู i7 ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะ แต่คือศูนย์รวมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เชื่อมโยงผู้ขับขี่และโลกภายนอกเข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบเนียน ระบบ BMW Live Cockpit Professional มอบความสะดวกสบายและแสดงข้อมูลรถยนต์ที่จำเป็นโดยไม่รบกวนสมาธิระหว่างขับขี่บนท้องถนน ขณะที่ระบบ BMW ConnectedDrive รวบรวมบริการดิจิทัลที่ชาญฉลาดมากมาย ตั้งแต่การตรวจสอบระยะไกลผ่าน Telematics Service ไปจนถึงการให้บริการด้านการจราจรแบบเรียลไทม์ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครบครัน ซึ่งทั้งหมดนี้พร้อมใช้งานผ่านการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มือถือของคุณ
หัวใจสำคัญของประสบการณ์ดิจิทัลภายใน i7 คือจอแสดงผลดิจิทัลแบบโค้ง BMW Curved Display ที่ผสานหน้าจอข้อมูลผู้ขับขี่และหน้าจอควบคุมกลางเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน มอบภาพที่คมชัดและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับแถบ BMW Interaction Bar ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร แต่ยังเป็นแผงควบคุมแบบสัมผัสที่ซ่อนฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ไว้ภายใน ช่วยให้การปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ เป็นไปได้อย่างง่ายดายและสวยงาม
ระบบผู้ช่วย BMW Intelligent Personal Assistant ได้รับการพัฒนาให้ฉลาดล้ำยิ่งขึ้น สามารถตอบสนองคำสั่งเสียงและเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของคุณ เพื่อมอบประสบการณ์ส่วนบุคคลที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากนี้ หน้าจอ BMW Head-up Display ยังฉายข้อมูลสำคัญบนกระจกหน้ารถโดยตรง ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน และฟังก์ชัน Augmented View ที่ติดตั้งมาเป็นครั้งแรกบนจอแสดงข้อมูลหลังพวงมาลัย ซึ่งจะซ้อนข้อมูลการนำทางแบบกราฟิกบนภาพจริงของถนนเบื้องหน้า ช่วยให้การขับขี่และการนำทางเป็นไปอย่างแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้นกว่าที่เคย
บีเอ็มดับเบิลยู i7 ยังมาพร้อมระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ BMW IconicSounds Electric ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดย Hans Zimmer นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลก เสียงการเดินรถอันเป็นเอกลักษณ์นี้ถูกออกแบบให้แตกต่างกันไปในแต่ละโหมดการขับขี่ สร้างประสบการณ์ทางอารมณ์และสัมผัสที่เร้าใจในแบบที่รถยนต์ไฟฟ้าไม่เคยทำได้มาก่อน เป็นการผสมผสานศิลปะและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงและถือเป็นไฮไลท์ของห้องโดยสารด้านหลังของบีเอ็มดับเบิลยู i7 คือ BMW Theatre Screen จอภาพยนตร์แบบพาโนรามาขนาดมหึมา 31.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 32:9 และความละเอียดระดับ 8K ที่ทอดยาวลงมาจากหลังคาห้องโดยสารด้านหลัง พร้อมเปลี่ยนเบาะที่นั่งตอนหลังให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ส่วนตัวสุดพิเศษในทันที ผู้โดยสารสามารถปรับเปลี่ยนเบาะที่นั่งให้กลายเป็นเลาจน์ส่วนตัว เพื่อเลือกโปรแกรมความบันเทิงที่ชื่นชอบจากหลากหลายตัวเลือกการสตรีมมิ่งได้อย่างเพลิดเพลิน นี่คือมาตรฐานใหม่ของความบันเทิงในรถยนต์ที่ยากจะหาผู้ใดเทียบเคียงในตลาดรถ EV ระดับผู้บริหาร
เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ ระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond ที่ติดตั้งลำโพงมากถึง 39 ตัว พร้อมกำลังขับ 1,965 วัตต์ ก็พร้อมมอบสุนทรียศาสตร์แห่งเสียงคุณภาพระดับสตูดิโอ ด้วยการวางตำแหน่งลำโพงที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียงที่ใส คมชัด และสมจริงที่สุด ดุจเดียวกับการนั่งฟังดนตรีสดในคอนเสิร์ตฮอลล์ชื่อดัง เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับระบบความบันเทิงในรถยนต์อย่างแท้จริง
สมรรถนะและระยะทาง: พลังขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่เร้าใจ
ใต้เรือนร่างอันสง่างามของบีเอ็มดับเบิลยู i7 คือขุมพลังแห่งอนาคตที่พร้อมจะพาคุณก้าวข้ามทุกขีดจำกัดด้วยสมรรถนะที่เหนือชั้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บีเอ็มดับเบิลยู i7 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 400 กิโลวัตต์ หรือ 544 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดมหาศาลถึง 745 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถยนต์ซีดานไฟฟ้า พลังงานอันเปี่ยมล้นนี้ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive ซึ่งเป็นเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 เช่นเดียวกับที่พบใน BMW iX ทำให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู i7 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่พละกำลัง แต่ยังรวมถึงความรวดเร็วในการตอบสนอง ด้วยอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.7 วินาที ซึ่งเป็นความเร็วที่เทียบเท่ากับรถสปอร์ตหลายรุ่น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถมอบการขับขี่ที่เร้าใจได้ในทันทีที่เหยียบคันเร่ง ความเร็วสูงสุดที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยิ่งตอกย้ำถึงความสามารถในการเดินทางบนท้องถนนหลวงได้อย่างไร้กังวล
หัวใจสำคัญของการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ บีเอ็มดับเบิลยู i7 มาพร้อมแบตเตอรี่แรงดันสูงชนิดลิเธียมไอออนความจุ 105.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ติดตั้งอยู่บริเวณใต้ตัวถังรถ ช่วยให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ และยังช่วยป้องกันแบตเตอรี่จากการชน การผสานประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนและแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ส่งผลให้อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 19.6-18.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 625 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นระยะทางที่ยาวนานและเพียงพอสำหรับการเดินทางระยะไกล ลดความกังวลเรื่องระยะทาง (range anxiety) และเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของยนตรกรรมไฟฟ้าพรีเมียมคันนี้
สำหรับการชาร์จไฟ บีเอ็มดับเบิลยู i7 ได้รับการออกแบบมาให้รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC Fast Charging) ด้วยความเร็วสูง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปี 2025 ที่โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้การชาร์จแบตเตอรี่จากระดับต่ำสุดไปจนถึง 80% ใช้เวลาไม่นานนัก เหมาะสำหรับการแวะพักระหว่างการเดินทางไกล นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging) ที่บ้านหรือสถานีชาร์จสาธารณะทั่วไป มอบความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ความเหนือชั้นบนทุกเส้นทาง: ระบบช่วยขับขี่และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ
บีเอ็มดับเบิลยู i7 ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่เป็นยนตรกรรมที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นและปลอดภัยในทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์ผู้ขับขี่ในยุค 2025 ที่มองหาความสะดวกสบายและความอุ่นใจสูงสุด ระบบช่วยการขับขี่รุ่น Professional ถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go ที่ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ และสามารถหยุดรถและออกตัวใหม่ได้เองในการจราจรติดขัด ทำให้การเดินทางในเมืองและบนทางหลวงเป็นไปอย่างผ่อนคลายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ยังเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เพิ่มความคล่องตัวให้กับการบังคับทิศทางของรถ ระบบนี้ช่วยให้การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมีความมั่นคง และในขณะเดียวกันก็ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยว ทำให้การกลับรถหรือจอดรถในพื้นที่แคบเป็นเรื่องง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับรถยนต์ซีดานขนาดใหญ่
ด้านความปลอดภัย บีเอ็มดับเบิลยู i7 ยังอัดแน่นไปด้วยระบบความปลอดภัยอัจฉริยะที่ครบครัน เพื่อปกป้องทั้งผู้โดยสารและผู้ใช้ถนนรอบข้าง ระบบเซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) จะทำงานร่วมกับระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) เพื่อลดความเสียหายและปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้างเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เงียบเชียบ ช่วยให้คนเดินเท้าและจักรยานตระหนักถึงการมีอยู่ของรถ ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ (Pedestrian Warning with Brake Function) ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนคนเดินถนนด้วยการเตือนและเบรกโดยอัตโนมัติหากจำเป็น
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (Dynamic Stability Control – DSC) ทำงานร่วมกับระบบ Anti-lock Braking System (ABS) ที่ป้องกันไม่ให้ล้อล็อกขณะเบรก และระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเบรกกะทันหัน หรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน ระบบเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อมอบความอุ่นใจและประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยสูงสุดในทุกการเดินทาง
เอกสิทธิ์แห่งการเป็นเจ้าของ: ตัวเลือกสีและบริการหลังการขายระดับพรีเมียม
บีเอ็มดับเบิลยู i7 มอบทางเลือกที่หลากหลายเพื่อสะท้อนสไตล์และรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณ สำหรับ BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition) จะมีเฉพาะสีดำ Black Sapphire Metallic ที่สะท้อนความหรูหราและดุดัน ในขณะที่ BMW i7 xDrive60 M Sport มีให้เลือกถึง 8 สีตัวถังอันงดงาม ได้แก่ สีดำ Black Sapphire Metallic, สีขาว Mineral White Metallic, สีเทา Oxide Grey Metallic, สีเทา Brooklyn Grey Metallic, สีดำ Carbon Black Metallic, สีแดง Aventurine Red Metallic, สีน้ำเงิน Tanzanite Blue Metallic และสีเทา Dravit Grey Metallic ที่พร้อมให้คุณเลือกสรรตามความต้องการ
สำหรับผู้ที่ต้องการความพิเศษเหนือระดับ BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกสีแบบทูโทน ที่จับคู่สีภายนอกได้อย่างมีเอกลักษณ์และโดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยมีสีหลังคาให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire Metallic และสีเทา Oxide Grey Metallic เพื่อนำไปจับคู่กับสีตัวถังหลัก 5 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire Metallic, สีเทา Oxide Grey Metallic, สีแดง Aventurine Red Metallic, สีน้ำเงิน Tanzanite Blue Metallic และสีเทา Dravit Grey Metallic การปรับแต่งนี้ช่วยให้ i7 ของคุณเป็นมากกว่ายานยนต์ แต่คืองานศิลปะเคลื่อนที่ที่สะท้อนบุคลิกภาพของคุณได้อย่างชัดเจน
นอกเหนือจากดีไซน์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย การเป็นเจ้าของบีเอ็มดับเบิลยู i7 ยังมาพร้อมกับเอกสิทธิ์ด้านบริการหลังการขายระดับพรีเมียมที่เหนือกว่า ด้วยโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) Standard สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน ซึ่งครอบคลุมแพ็คเกจการรับประกันนานสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และการบริการดูแลบำรุงรักษาสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง นี่คือความอุ่นใจที่บีเอ็มดับเบิลยูมอบให้ เพื่อให้คุณสามารถขับขี่ i7 ได้อย่างมั่นใจในระยะยาว
ที่สำคัญคือ การรับประกันแบตเตอรี่แรงดันไฟสูงและอุปกรณ์ร่วมเป็นระยะเวลานานสูงสุด 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน) ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและครอบคลุม ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ในระยะยาวได้อย่างดีเยี่ยม การดูแลบำรุงรักษารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าจะมีกำหนดเข้ารับบริการทุก 24 เดือน โดยครอบคลุมรายการสำคัญต่างๆ เช่น บริการตรวจเช็ครถ, บริการเปลี่ยนไมโครฟิลเตอร์, บริการเปลี่ยนน้ำมันเบรก, บริการชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงหลังการให้บริการ (ชาร์จสูงสุด 75%-80%), บริการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน (ปีละหนึ่งครั้ง) และบริการเปลี่ยนชุดเบรกหน้าและหลัง 1 ชุด รวมผ้าเบรกและจานเบรก (กำหนดการเปลี่ยนไม่ขึ้นอยู่กับระยะทาง) ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้าของคุณให้คงที่อยู่เสมอ
ก้าวสู่โลกแห่งยนตรกรรมไฟฟ้าพรีเมียมกับ BMW i7
บีเอ็มดับเบิลยู i7 ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ในตลาด แต่มันคือการประกาศถึงยุคสมัยใหม่ของความหรูหราที่ผสานรวมเทคโนโลยีล้ำสมัย ประสิทธิภาพไร้ที่ติ ความยั่งยืน และประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือความคาดหมายได้อย่างลงตัว ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมกล้ายืนยันว่า i7 คือมาตรฐานใหม่ที่ยากจะหาผู้ใดเทียบเคียงในเซกเมนต์ยนตรกรรมไฟฟ้าพรีเมียมสำหรับปี 2025 มันเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่มองหาสุดยอดยานยนต์ที่ผสมผสานนวัตกรรม การออกแบบที่ประณีต และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้สัมผัสอนาคตแห่งการเดินทางด้วยตัวคุณเอง เชิญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสุดพิเศษนี้ สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับกับ บีเอ็มดับเบิลยู i7 ที่ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูใกล้บ้านท่านได้แล้ววันนี้ พร้อมเปิดรับข้อเสนอสุดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ยกระดับทุกการเดินทางของคุณให้เหนือกว่าที่เคยกับยานยนต์ไฟฟ้าหรูที่แท้จริง.
