Maserati GranTurismo 2025: การกำเนิดใหม่ของสัญลักษณ์แห่งสมรรถนะและความหรูหรา พร้อมรับยุคยานยนต์ไฟฟ้า
ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการยานยนต์หรูหรามานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของรถยนต์สมรรถนะสูงมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่รุ่นที่สามารถทิ้งร่องรอยแห่งตำนานและนิยามความเป็นรถยนต์ “แกรนด์ทัวริ่ง” ได้อย่างแท้จริง และเมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2025 ยุคที่เทคโนโลยีและความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ มาเซราติ (Maserati) ได้นำเสนอคำตอบที่เหนือความคาดหมาย ด้วยการเปิดตัว Maserati GranTurismo โฉมใหม่ล่าสุด ที่ไม่ใช่แค่การกลับมา แต่คือการนิยามใหม่ของคำว่า ‘ความหรูหรา’ และ ‘สมรรถนะ’ ในบริบทของโลกยุคใหม่ ผสานมรดกอันยาวนานกว่า 75 ปีเข้ากับนวัตกรรมแห่งอนาคตอย่างไร้รอยต่อ
บทนำ: 75 ปีแห่งตำนาน สู่การปฏิวัติแห่งอนาคต
GranTurismo ไม่ใช่แค่ชื่อรุ่น แต่คือปรัชญาที่หลอมรวมความเร็วแบบรถแข่งเข้ากับความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลได้อย่างลงตัว นับตั้งแต่ A6 1500 ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเมื่อปี 1947 มาเซราติได้สร้างสรรค์รถยนต์ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยและความสง่างามมาโดยตลอด และในปี 2025 นี้ Maserati GranTurismo โฉมใหม่ ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ด้วยการเปิดตัวพร้อมกันถึงสองเวอร์ชั่นที่ไม่เคยมีมาก่อน: ขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน V6 Nettuno อันทรงพลัง และสุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ใช้ชื่อว่า “Folgore” ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวของแบรนด์ตรีศูล การตัดสินใจที่กล้าหาญนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของมาเซราติ ที่ต้องการมอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ไม่ว่าพลังงานจะมาจากแหล่งใดก็ตาม นี่คือการประกาศอย่างกึกก้องว่า ในขณะที่โลกกำลังมุ่งหน้าสู่การเปลี่ยนแปลง GranTurismo ยังคงเป็นมาตรฐานสูงสุดของรถยนต์สปอร์ตคูเป้หรู ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งความหลงใหลในเสียงคำรามของเครื่องยนต์ และความเงียบสงบอันทรงพลังของยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การออกแบบที่เหนือกาลเวลา: สุนทรียภาพแห่งอิตาลีที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
การออกแบบของ Maserati GranTurismo 2025 คือบทเพลงสรรเสริญแห่งสุนทรียภาพแบบอิตาเลียนที่ไร้ที่ติ ตั้งแต่เส้นสายที่พลิ้วไหวแต่แข็งแกร่ง ฝากระโปรงหน้าอันยาวเหยียดที่สื่อถึงขุมพลังมหาศาล ไปจนถึงแนวหลังคาที่ลาดต่ำลงสู่ด้านหลังอย่างสง่างาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัดส่วนที่ผู้ขับขี่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้งสี่ คือเอกลักษณ์ที่มาเซราติยังคงรักษาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งไม่ใช่แค่ความงามทางสายตา แต่ยังสะท้อนถึงหลักการออกแบบเพื่อสมรรถนะการขับขี่ที่สมดุลและยอดเยี่ยมที่สุดในเซกเมนต์ โลโก้ตรีศูลที่เสา C ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความภูมิใจและประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ ที่ได้รับการยกระดับให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้นบนตัวถังที่เปี่ยมด้วยความโค้งมนและประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์
ในยุคที่รถยนต์หลายรุ่นเริ่มมีรูปทรงที่คล้ายคลึงกัน GranTurismo กลับโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่จดจำได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่ได้รับการปรับปรุงให้ดูดุดันแต่ยังคงความสง่างาม ไฟหน้า LED ดีไซน์เฉียบคมที่ผสานเทคโนโลยีการส่องสว่างอันชาญฉลาดเข้ากับความงามล้ำยุค การออกแบบนี้ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยฟังก์ชันการทำงานที่พิถีพิถัน ทุกองค์ประกอบตั้งแต่ช่องดักอากาศไปจนถึงสปอยเลอร์หลัง ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ ลดแรงต้านทาน และสร้างแรงกด (downforce) เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรุ่น Folgore การออกแบบยังต้องคำนึงถึงการระบายความร้อนของแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ GranTurismo โฉมใหม่ เป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ วิศวกรรม และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือกว่าอย่างแท้จริง
ขุมพลังคู่: เลือกได้ตามสไตล์ สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณ
หัวใจของ Maserati GranTurismo 2025 คือทางเลือกแห่งขุมพลังที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมาเซราติในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่ โดยยังคงรักษา DNA แห่งสมรรถนะและความเร้าใจไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่หลงใหลในความคลาสสิกของเครื่องยนต์สันดาป หรือพร้อมที่จะโอบรับอนาคตแห่งยานยนต์ไฟฟ้า มาเซราติก็มีคำตอบให้คุณ
ขุมพลังเบนซิน V6 Nettuno: วิศวกรรมแห่งความหลงใหล
สำหรับผู้ที่ยังคงปรารถนาเสียงคำรามของเครื่องยนต์และสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ของการเร่งความเร็วแบบดั้งเดิม GranTurismo มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 Nettuno ขนาด 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ซึ่งเป็นขุมพลังที่ได้รับการยกย่องใน Maserati MC20 ด้วยเทคโนโลยี Twin Spark และระบบ Pre-chamber Combustion ที่ซับซ้อน ทำให้ Nettuno มอบทั้งพละกำลังอันมหาศาลและการตอบสนองที่ฉับไวอย่างน่าทึ่ง
รุ่น Modena: มาพร้อมพละกำลัง 490 แรงม้า (PS) ซึ่งถือว่าเพียงพอและเกินพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล มอบการเร่งแซงที่มั่นใจและประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานในทุกย่านความเร็ว
รุ่น Trofeo: สำหรับผู้ที่ต้องการขีดสุดของสมรรถนะ เครื่องยนต์ V6 Nettuno ในรุ่น Trofeo ได้รับการอัพเกรดอย่างละเอียด ให้พละกำลังสูงสุดถึง 550 แรงม้า (PS) ซึ่งไม่เพียงแค่ทำให้รถมีอัตราเร่งที่ดุดันยิ่งขึ้น แต่ยังให้เสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่เร้าใจยิ่งกว่าเดิม มอบประสบการณ์การขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถแข่งในสนาม แต่ยังคงความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางบนท้องถนน ผมบอกได้เลยว่าในยุค 2025 ที่หลายแบรนด์เริ่มละทิ้งเครื่องยนต์สันดาป การที่มาเซราติยังคงพัฒนาและนำเสนอ V6 Nettuno ที่ทรงประสิทธิภาพขนาดนี้ ถือเป็นการยืนยันถึงความเข้าใจในจิตวิญญาณของนักขับตัวจริง
GranTurismo Folgore: อนาคตที่เร้าใจและยั่งยืน
นี่คือดาวเด่นที่แท้จริงของการเปิดตัวครั้งนี้ Folgore (ฟอล-โก-เร) ซึ่งมีความหมายว่า “สายฟ้า” ในภาษาอิตาเลียน คือ GranTurismo เวอร์ชั่นไฟฟ้า 100% ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่คือการปฏิวัติที่อิงจากเทคโนโลยีในสนามแข่ง Formula E อย่างแท้จริง
ระบบขับเคลื่อน: Folgore ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motors) ขนาด 300 kW (ประมาณ 402 แรงม้า) จำนวน 3 ตัว โดยมอเตอร์สองตัวอยู่ที่เพลาหลัง (แยกอิสระควบคุมแต่ละล้อ) และอีกหนึ่งตัวอยู่ที่เพลาหน้า ระบบนี้ทำให้รถสามารถส่งกำลังรวมสูงสุดได้ถึง 560 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 760 แรงม้า ไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างทันท่วงที มอบอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่น่าตกตะลึง และแรงบิดมหาศาลที่พร้อมให้ใช้งานในเสี้ยววินาที
สถาปัตยกรรม 800 โวลต์: นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Folgore แตกต่าง ระบบไฟฟ้าแรงสูง 800 โวลต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Formula E ไม่เพียงแต่ช่วยให้มอเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่านั้น แต่ยังรองรับการชาร์จไฟที่รวดเร็วเป็นพิเศษ ลดเวลาที่ต้องหยุดพักและเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไกล นี่คือสิ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมในยุค 2025 จะต้องมี และมาเซราติก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม
แบตเตอรี่แบบ ‘T-bone’: นวัตกรรมเพื่อสมรรถนะไร้ขีดจำกัด: Folgore ใช้แบตเตอรี่ความจุ 92.5 kWh แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการจัดวางแบตเตอรี่ในรูปแบบ ‘T-bone’ โดยติดตั้งไว้บริเวณโครงสร้างกลางของรถยนต์ แทนที่จะวางไว้ใต้พื้นห้องโดยสารทั้งหมดเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป การออกแบบนี้ส่งผลดีอย่างมหาศาลต่อการกระจายน้ำหนักและความสมดุลของรถยนต์ รวมถึงการรักษาระดับจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำที่สุด ด้วยความสูงของตัวรถเพียง 1,353 มม. ทำให้ GranTurismo Folgore ยังคงมอบประสบการณ์การขับขี่ที่คล่องตัวและยึดเกาะถนนเป็นเยี่ยม ไม่ต้องแลกสมรรถนะกับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า นี่คือการพิสูจน์แนวคิด ‘zero compromise’ ของมาเซราติอย่างแท้จริง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าการนำเสนอขุมพลังคู่เช่นนี้ คือความชาญฉลาดทางกลยุทธ์ของมาเซราติ ที่เข้าใจถึงความต้องการที่หลากหลายของตลาดหรูหรา และยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค EV อย่างเต็มตัวในอนาคตอันใกล้ โดยไม่ละทิ้งจิตวิญญาณแห่งการเป็นรถยนต์สปอร์ตแกรนด์ทัวเรอร์อันเป็นเอกลักษณ์
สถาปัตยกรรมและนวัตกรรมล้ำยุค: มากกว่าความเร็วคือความฉลาด
GranTurismo โฉมใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่รวมเอาสุดยอดนวัตกรรมด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว การพัฒนารถรุ่นนี้จาก Maserati Innovation Lab และการผลิตที่โรงงาน Mirafiori ในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี สะท้อนถึงคำจำกัดความของ ‘ความหรูหราและสมรรถนะแบบอิตาเลียน’ ในทุกมิติ
โครงสร้างน้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง: เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านการควบคุมและการประหยัดพลังงาน มาเซราติได้นำวัสดุน้ำหนักเบาที่สุดมาใช้ในการผลิต เช่น อะลูมิเนียมและแมกนีเซียม ร่วมกับโลหะเกรดสูงพิเศษ สิ่งนี้จำเป็นต้องมีการปรับกระบวนการผลิตและใช้เทคนิคขั้นสูงเพื่อให้ได้มาซึ่งโครงสร้างที่เบาแต่ยังคงความแข็งแกร่งสูงสุด ช่วยให้รถมีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักที่ยอดเยี่ยม และการตอบสนองที่ฉับไวในทุกการเคลื่อนไหว
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High และ Cyber-security ระดับ 5: GranTurismo 2025 มาพร้อมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High ที่ล้ำสมัย ภายใต้มาตรฐาน CAN FD ซึ่งมีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อถึง 0.002 วินาที ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงที่ต้องประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์จำนวนมากในเวลาอันสั้นเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและแม่นยำ นอกจากนี้ ระบบยังมาพร้อมกับ Cyber-security ระดับ 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในปัจจุบัน เพื่อปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ขับขี่ รวมถึงฟีเจอร์ Flash-over-the-air (FOTA) ที่ช่วยให้สามารถอัพเดทซอฟต์แวร์ของรถได้จากระยะไกล เหมือนกับการอัพเดทสมาร์ทโฟนของคุณ ทำให้รถของคุณทันสมัยอยู่เสมอ
Vehicle Domain Control Module (VDCM): หัวใจแห่งการควบคุม: ระบบ VDCM คือศูนย์กลางอัจฉริยะที่ทำหน้าที่ควบคุมระบบสำคัญทั้งหมดของรถยนต์แบบ 360 องศา ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน ระบบเบรก ไปจนถึงระบบความบันเทิงและช่วยเหลือการขับขี่ ด้วยซอฟต์แวร์ที่ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียด ทำให้ VDCM สามารถมอบความสะดวกสบายและความมั่นใจในการควบคุมรถยนต์ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนปกติ การเร่งความเร็วบนไฮเวย์ หรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงบนสนามแข่ง ระบบนี้จะทำงานร่วมกันเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ขับขี่
ห้องโดยสาร: วิมานแห่งความหรูหราและเทคโนโลยี
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Maserati GranTurismo 2025 คุณจะพบกับสุนทรียภาพที่ผสานความหรูหราแบบอิตาเลียนเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำสมัยได้อย่างลงตัว การออกแบบภายในเน้นความประณีตในทุกรายละเอียด ใช้วัสดุคุณภาพสูง เช่น หนังแท้ Alcantara และคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ได้รับการรังสรรค์ด้วยงานฝีมือระดับปรมาจารย์
ระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA): หัวใจสำคัญของระบบความบันเทิงคือ MIA ซึ่งเป็นอินโฟเทนเมนต์ใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย และสามารถเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ขับขี่สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าจอแสดงผลหลักและหน้าจอ Comfort Display ที่รวมฟังก์ชันสำคัญไว้ในที่เดียว
นาฬิกาดิจิทัลและ Head-Up Display: Maserati ได้นำเสนอเรือนเวลากลางแผงคอนโซลในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบตามอารมณ์และข้อมูลที่ต้องการ ส่วน Head-Up Display (HUD) ที่เป็นออปชั่นเสริม จะช่วยฉายข้อมูลสำคัญในการขับขี่ขึ้นบนกระจกหน้ารถ ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนน
ประสบการณ์เสียง ‘All-round Sound Experience’ จาก Sonus faber: นี่คือจุดเด่นที่ผมประทับใจเป็นพิเศษ มาเซราติได้ร่วมมือกับ Sonus faber ผู้ผลิตเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์จากอิตาลี เพื่อสร้างสรรค์ระบบเสียง 3 มิติ ที่มอบประสบการณ์การฟังเพลงที่เหนือระดับ ด้วยลำโพง 14 ตำแหน่ง กำลังขับ 860 วัตต์เป็นมาตรฐาน และยังมีออปชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยลำโพง 19 ตำแหน่ง กำลังขับ 1,195 วัตต์ ซึ่งจะเปลี่ยนห้องโดยสารของคุณให้กลายเป็นห้องคอนเสิร์ตส่วนตัว
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab ได้พัฒนาเสียงเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของมาเซราติขึ้นมาใหม่สำหรับรุ่น Folgore ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% เสียงสังเคราะห์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันนี้จะมอบความรู้สึกเร้าใจและเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การขับขี่ ที่ไม่ใช่แค่ความเงียบงันแบบรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป สิ่งนี้สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของมาเซราติในเรื่องของ “จิตวิญญาณ” ที่ผู้ขับขี่ต้องการสัมผัส ไม่ว่าจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานใดก็ตาม
บทสรุป: มาตรฐานใหม่แห่ง GranTurismo ที่ไร้คู่แข่ง
Maserati GranTurismo 2025 คือผลงานชิ้นเอกที่มาเซราติได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การผสมผสานระหว่างสมรรถนะแบบรถสปอร์ตสุดขีดเข้ากับความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับการขับขี่ทางไกล หรือการรวมเอาเครื่องยนต์สันดาปภายในอันทรงพลังเข้ากับนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ล้ำสมัย ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ตรงกันข้าม GranTurismo ได้ลบล้างสมการที่ดูเหมือนจะขัดแย้งเหล่านี้ สร้างสรรค์มาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์ในเซกเมนต์เดียวกัน
ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ขอประกาศได้อย่างเต็มปากว่า GranTurismo โฉมใหม่นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ แต่คือแถลงการณ์ถึงอนาคตของมาเซราติ เป็นการเฉลิมฉลองมรดกอันยาวนานถึง 75 ปี พร้อมกับการโอบรับยุคสมัยใหม่ด้วยนวัตกรรมที่กล้าหาญและไม่ประนีประนอม ไม่ว่าคุณจะเลือกสัมผัสความเร้าใจจากขุมพลัง Nettuno V6 หรือดื่มด่ำกับความเงียบสงบอันทรงพลังของ Folgore คุณจะได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่พิเศษไม่เหมือนใคร นี่คือรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อผู้ที่ต้องการความเป็นเลิศในทุกด้าน ต้องการรถยนต์ที่สามารถเป็นเพื่อนคู่ใจในการเดินทางไกล เป็นรถสปอร์ตที่พร้อมโลดแล่นในสนามแข่ง และเป็นงานศิลปะที่สะท้อนรสนิยมอันล้ำเลิศของคุณ
คำเชิญ: สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือกว่า
โลกยานยนต์กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ และ Maserati GranTurismo 2025 คือผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผมขอเชิญชวนให้คุณได้มาสัมผัสและทดลองขับ Maserati GranTurismo โฉมใหม่นี้ด้วยตัวคุณเอง เพื่อสัมผัสถึงจิตวิญญาณแห่งสมรรถนะ ความหรูหรา และนวัตกรรมที่มาเซราติได้รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต ไม่ว่าคุณจะสนใจรุ่น Modena, Trofeo หรือ Folgore สุดล้ำแห่งอนาคต ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนนิยามของการเดินทาง และเริ่มต้นบทใหม่แห่งความหลงใหลไปพร้อมกับ Maserati GranTurismo โฉมใหม่ ที่จะทำให้ทุกเส้นทางคือประสบการณ์ที่น่าจดจำ ติดต่อผู้จำหน่าย Maserati ใกล้บ้านคุณวันนี้ เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและเป็นเจ้าของตำนานบทใหม่ก่อนใคร!

