นิสสันกับการขับเคลื่อนอนาคตยานยนต์ไทย: นวัตกรรมและความยั่งยืนในปี 2025
ในโลกยานยนต์ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ปี 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่เทคโนโลยีและวิสัยทัศน์แห่งอนาคตมาบรรจบกัน นิสสัน (Nissan) แบรนด์ยานยนต์ระดับโลกที่หยั่งรากลึกในประเทศไทยมากว่าเจ็ดทศวรรษ ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน ด้วยการนำเสนอสุดยอดยานยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ขับขี่ชาวไทยอย่างเหนือชั้น จากประสบการณ์กว่า 10 ปีในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผมเห็นถึงความมุ่งมั่นของนิสสันที่ไม่เคยลดลงในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและเทคโนโลยีล้ำสมัย บทความนี้จะเจาะลึกถึงกลยุทธ์และยานยนต์ไฮไลต์ของนิสสันที่พร้อมจะนิยามประสบการณ์การขับขี่ในยุค 2025 ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการเชื่อมต่อ เพื่อตอบสนองความคาดหวังของตลาดและความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังเติบโต
ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยในปี 2025 มีพลวัตสูง ผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายและมองหายนตรกรรมที่ผสานนวัตกรรมเข้ากับความรับผิดชอบต่อสังคม นิสสันเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นอย่างดี และได้เตรียมยานยนต์ที่โดดเด่นหลากหลายรุ่นมานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ (SUV) รถกระบะออฟโรดที่ทรงพลัง หรือรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เน้นความคุ้มค่าและเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกการเดินทางไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านการใช้งาน แต่ยังมอบความประทับใจและความปลอดภัยสูงสุด การก้าวสู่ปี 2025 ของนิสสันคือการตอกย้ำถึงมรดกอันยาวนานแห่งคุณภาพควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืนและชาญฉลาดกว่าเดิม
นิสสัน อัลเมร่า: นิยามใหม่ของซีดานอัจฉริยะสำหรับการขับขี่ในเมือง 2025
ในหมวดหมู่รถยนต์ซีดานขนาดคอมแพกต์ นิสสัน อัลเมร่า (Nissan Almera) ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและครองใจผู้ใช้งานในเมืองมาโดยตลอด สำหรับปี 2025 อัลเมร่าไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ที่เน้นความประหยัดน้ำมันอีกต่อไป แต่ได้ยกระดับสู่การเป็นซีดานอัจฉริยะที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต ตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความคล่องตัว ประหยัดเชื้อเพลิง และการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ
หัวใจหลักของนิสสัน อัลเมร่า คือเครื่องยนต์เบนซิน HRA0 ขนาด 1.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มอบพละกำลัง 100 แรงม้า และแรงบิด 152 นิวตันเมตร ซึ่งให้การตอบสนองที่ฉับไวและต่อเนื่อง ด้วยอัตราเร่งที่โดดเด่นแต่ยังคงรักษาอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางลดลงอย่างเห็นได้ชัด การขับขี่ในสภาพการจราจรหนาแน่นของเมืองใหญ่จึงเป็นเรื่องง่ายและสนุกสนาน
จุดเด่นอีกประการที่ทำให้อัลเมร่าเหนือกว่าคู่แข่งคือเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360° Safety Shield ที่ครอบคลุมการปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างเต็มรูปแบบ ระบบนี้รวมเอาฟังก์ชันสำคัญ เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking), ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning), และระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) ซึ่งล้วนเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนท้องถนนที่มีความท้าทายในปี 2025
ภายในห้องโดยสารของนิสสัน อัลเมร่า ได้รับการออกแบบให้กว้างขวางและสะดวกสบายอย่างน่าเหลือเชื่อ เบาะนั่งพรีเมียม “Quole Modure” ที่ไม่สะสมความร้อน มอบความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ระบบอินโฟเทนเมนต์ NissanConnect ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้การใช้งานแอปพลิเคชันนำทาง, เพลง, หรือการสื่อสาร เป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น พร้อมด้วยระบบนำทางอัจฉริยะผ่าน Google Maps และระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Recognition) เพิ่มความสะดวกสบายและลดการรบกวนสมาธิในการขับขี่ อัลเมร่าจึงไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นพาร์ทเนอร์อัจฉริยะที่เข้าใจทุกความต้องการของคนเมืองยุคใหม่
นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์: ประสบการณ์ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ
ในยุคที่กระแสยานยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ (Nissan Kicks e-POWER) คือยานยนต์ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนิสสัน โดยไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จจากภายนอก ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญอย่างยิ่งในตลาดปี 2025 ที่ผู้บริโภคกำลังมองหาประสบการณ์ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ง่ายและไร้กังวล
หัวใจสำคัญของคิกส์ อี-พาวเวอร์ คือเทคโนโลยี e-POWER เจเนอเรชันที่ 2 ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง มอบพละกำลังสูงสุด 136 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง การตอบสนองที่นุ่มนวลและฉับไวของมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้การเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจและสนุกสนาน ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นเลิศ โดยสามารถวิ่งได้ไกลถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตรในการใช้งานในเมือง และเฉลี่ย 23.8 กิโลเมตรต่อลิตรในทุกโหมดการขับขี่ นับเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจและช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมหาศาล
นวัตกรรม e-Pedal Step ของนิสสันช่วยให้การขับขี่ในเมืองเป็นเรื่องง่ายและลื่นไหลยิ่งขึ้น ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วของรถได้ด้วยคันเร่งเพียงแป้นเดียว ทั้งการเร่งความเร็วและการชะลอรถ ลดความจำเป็นในการเหยียบเบรกบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดขัดหรือบนเส้นทางที่คดเคี้ยว เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบาย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอีกด้วย
สำหรับปี 2025 นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ยังคงมีรุ่น AUTECH ซึ่งเป็นการเสริมลุคสปอร์ตพรีเมียมด้วยชุดแต่งที่โดดเด่น ทั้งภายนอกและภายใน ทำให้คิกส์ อี-พาวเวอร์ ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นยนตรกรรมที่สะท้อนรสนิยมและความมีสไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าแท้จริง แต่ปราศจากความกังวลในการหาสถานีชาร์จ คิกส์ อี-พาวเวอร์ คือคำตอบที่ลงตัวสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาดและไร้รอยต่อ
นิสสัน นาวารา: ขีดสุดแห่งความแกร่งและสมรรถนะสำหรับทุกเส้นทาง 2025
สำหรับผู้ที่มองหารถกระบะที่แข็งแกร่ง ทนทาน และเปี่ยมด้วยสมรรถนะในการใช้งานทั้งสำหรับการทำงานและการผจญภัย นิสสัน นาวารา (Nissan Navara) คือคำตอบที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาอย่างยาวนาน และสำหรับปี 2025 นาวาราได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะ ด้วยการนำเสนอความสามารถที่เหนือกว่า ผสานกับดีไซน์ที่ทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันยิ่งขึ้น
นิสสัน นาวารา มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร DOHC ทวินเทอร์โบ ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้า และแรงบิดมหาศาล 450 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยืนยันถึงความพร้อมในการรับมือกับทุกสภาพเส้นทางและงานบรรทุกหนักได้อย่างสบาย แรงบิดที่มาต่อเนื่องและเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดที่สามารถเลือกโหมด Manual ได้ ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมสมรรถนะได้อย่างเต็มที่ ตอบสนองทุกการเร่งแซงและการไต่ทางชันได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ยังรองรับน้ำมันดีเซลได้หลากหลายประเภท ทั้ง B7, B10 และ B20 ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
โครงสร้างแชสซีแบบ Fully Boxed Frame ชิ้นเดียวตลอดคันจากเหล็กกล้าความแข็งแรงสูง เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้นิสสัน นาวารามีความทนทานเป็นเลิศ สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกและการใช้งานที่สมบุกสมบันได้อย่างไร้กังวล พื้นที่กระบะท้ายได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้สะดวกสบาย พร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ เช่น บันไดที่กันชนท้ายที่ช่วยให้การเข้าออกและการขนย้ายสัมภาระทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงการปรับตำแหน่งตะขอเกี่ยวสัมภาระให้ยืดหยุ่น ตอบโจทย์การบรรทุกทั้งขนาดใหญ่และเล็ก
นอกจากความแกร่งแล้ว นาวารายังเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility ที่รวมเอาฟังก์ชันความปลอดภัยขั้นสูงเข้ามามากมาย เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ, ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง, และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบอัจฉริยะ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับปี 2025 นาวารา แบล็ค อิดิชั่น (Navara Black Edition) ยังคงเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม ด้วยการตกแต่งที่เพิ่มความสปอร์ตและดุดัน ด้วยสีเทา Stealth Gray และชุดแต่งสีดำรอบคัน สะท้อนถึงบุคลิกของผู้ใช้งานที่ต้องการความแตกต่างและพร้อมลุยทุกสถานการณ์ นิสสัน นาวารา จึงเป็นรถกระบะที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการยานยนต์ที่สามารถ “ใช้ชีวิตแบบที่ไม่มีใครกล้าคิด” ได้อย่างแท้จริง
นิสสัน เทอร์ร่า: เอสยูวีพรีเมียมสำหรับครอบครัวยุคใหม่ 2025
สำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ (PPV SUV) ขนาดใหญ่ที่ผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นิสสัน เทอร์ร่า (Nissan Terra) คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในปี 2025 เทอร์ร่าได้รับการพัฒนาให้เป็นมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นศูนย์รวมแห่งความสุขและความมั่นใจในการเดินทางของทุกคนในครอบครัว
นิสสัน เทอร์ร่า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดพร้อมโหมดแมนนวล มอบพละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับการเดินทางทั้งในเมืองและนอกเมือง พร้อมอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่น่าประทับใจ และรองรับน้ำมันดีเซลได้ทั้ง B7, B10 และ B20 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน โหมดการขับขี่แบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ยังช่วยให้เทอร์ร่าพร้อมลุยไปในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนลาดยางหรือเส้นทางออฟโรดเบาๆ เพื่อการผจญภัยของครอบครัว
ห้องโดยสารภายในของนิสสัน เทอร์ร่า ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับผู้โดยสารทุกคน เบาะนั่งที่กว้างขวางและปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลาย ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือสำหรับการเดินทางไกล จุดเด่นคือระบบความบันเทิงระดับพรีเมียมจาก BOSE ที่ติดตั้งลำโพง 8 ตำแหน่งรอบคัน มอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและดื่มด่ำ นอกจากนี้ ผู้โดยสารด้านหลังยังสามารถเพลิดเพลินกับความบันเทิงออนไลน์ผ่านหน้าจอขนาด 11 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ HDMI หรือ Smart TV ซึ่งช่วยให้การเดินทางของเด็กๆ และผู้ใหญ่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ด้านความปลอดภัย นิสสัน เทอร์ร่า มาพร้อมเทคโนโลยี 360° Safety Shield ที่ครอบคลุมทุกมิติการขับขี่ ระบบนี้รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ, ระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ, ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ, ระบบเตือนการออกนอกช่องทาง, ระบบตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน, และระบบกล้องมองภาพรอบทิศทางอัจฉริยะ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องทุกคนในครอบครัวให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย เทอร์ร่าจึงเป็นมากกว่ารถยนต์ แต่เป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ตอบโจทย์การเดินทางของครอบครัวยุคใหม่ในปี 2025 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานทางเลือก: วิสัยทัศน์ V2H/V2G ของนิสสันในปี 2025
ในขณะที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด นิสสันยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยบทบาทบุกเบิกของนิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก สำหรับปี 2025 นิสสันไม่ได้มองว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพียงยานพาหนะเพื่อการเดินทางเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศพลังงานที่ยั่งยืน ตามแนวคิด Energy Share อันก้าวไกล
นิสสัน ลีฟ ไม่เพียงแต่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ปราศจากการปล่อยมลพิษ แต่ยังมีความสามารถในการเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่ ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จไฟแบบสองทาง (Bi-directional Charge) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่นิสสันให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เทคโนโลยีนี้ช่วยให้รถยนต์สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้ากลับเข้าสู่ระบบไฟฟ้าในบ้าน (Vehicle-to-Home หรือ V2H) และแม้กระทั่งจ่ายไฟฟ้ากลับสู่โครงข่ายไฟฟ้า (Vehicle-to-Grid หรือ V2G) ได้ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมบทบาทของรถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ใช้พลังงานไปสู่ผู้ผลิตพลังงานในยามจำเป็น
ในประเทศไทย นิสสันได้ริเริ่มโครงการศึกษาและสาธิตการใช้เทคโนโลยี V2H/V2G โดยร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การศึกษาครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อนำพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 40kWh ของนิสสัน ลีฟ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการพลังงานในครัวเรือนและสนับสนุนโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่เป็นครั้งแรกของการนำเทคโนโลยี V2H/V2G มาใช้ในประเทศไทย แต่ยังเป็นการเปิดมิติใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าแค่การเดินทาง ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานและส่งเสริมการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเห็นว่าวิสัยทัศน์นี้ของนิสสันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลักดันประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ การที่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเป็นทั้งแหล่งพลังงานสำรองยามฉุกเฉิน หรือเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการโหลดไฟฟ้าของประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของเทคโนโลยีนี้ นิสสันจึงไม่ใช่แค่ผู้ผลิตรถยนต์ แต่เป็นผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านพลังงานที่พร้อมจะสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน
ข้อเสนอสุดพิเศษเพื่อการเป็นเจ้าของนิสสันในปี 2025
เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเข้าถึงยานยนต์คุณภาพและเทคโนโลยีขั้นสูงของนิสสัน ผู้บริโภคชาวไทยจะได้พบกับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับปี 2025 ที่ออกแบบมาเพื่อให้การเป็นเจ้าของรถยนต์นิสสันทุกรุ่นเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่ายิ่งขึ้น นิสสันเข้าใจถึงความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า และได้เตรียมโปรโมชั่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย 0% หรือโปรแกรมผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นยาวนานสูงสุดถึง 84 เดือน เพื่อลดภาระทางการเงินและทำให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้อย่างสบายใจ
นอกจากนี้ นิสสันยังมุ่งมั่นที่จะมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์นิสสันภายในช่วงเวลาโปรโมชั่น ซึ่งอาจรวมถึงส่วนลดเงินสดสูงสุด หรือแพ็กเกจบำรุงรักษาฟรี ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถยนต์ไปอีกขั้น เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในยานยนต์ของนิสสันคือการลงทุนในคุณภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนในระยะยาว ด้วยเครือข่ายศูนย์บริการนิสสันกว่า 170 แห่งทั่วประเทศ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยมและมาตรฐานสูงสุด
ก้าวสู่ยุคใหม่ไปพร้อมกับนิสสัน
ปี 2025 คือปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม นิสสันยังคงยืนหยัดเคียงข้างผู้ขับขี่ชาวไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งในด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี และความยั่งยืน ไม่ว่าคุณจะมองหารถยนต์นั่งส่วนบุคคลสำหรับการเดินทางในเมือง, รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จ, รถกระบะที่แกร่งทนทานสำหรับการใช้งานหนัก, หรือเอสยูวีพรีเมียมสำหรับครอบครัว นิสสันมีคำตอบที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของคุณ
อย่าพลาดโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต ด้วยยานยนต์จากนิสสันที่พร้อมเติมเต็มทุกเส้นทางของคุณในปี 2025 เยี่ยมชมโชว์รูมนิสสันทั่วประเทศวันนี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นรถยนต์ที่คุณสนใจและข้อเสนอสุดพิเศษที่เหมาะกับคุณ นิสสันพร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนชีวิตของคุณสู่ความสำเร็จและยั่งยืนยิ่งขึ้น

