นิสสันก้าวสู่ปี 2025: ทศวรรษแห่งนวัตกรรมและความยั่งยืนบนถนนเมืองไทย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มายาวนานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวิวัฒนาการอันน่าทึ่งของแบรนด์รถยนต์มากมาย แต่มีเพียงไม่กี่แบรนด์ที่สามารถยืนหยัดและสร้างความผูกพันกับผู้คนได้อย่างยาวนานและมั่นคง เฉกเช่น “นิสสัน” ในประเทศไทย จากจุดเริ่มต้นเมื่อกว่า 7 ทศวรรษที่แล้ว จวบจนวันนี้ในปี 2025 นิสสันยังคงเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล นวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง และความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับคนไทย
การเดินทางของนิสสันในประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงประวัติศาสตร์ของการผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนในแต่ละยุคสมัย ตั้งแต่รถกระบะคู่ใจเกษตรกร รถเก๋งที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่พร้อมเป็นผู้นำแห่งอนาคต และในปี 2025 นี้ นิสสันยังคงตอกย้ำพันธกิจดังกล่าว ด้วยการนำเสนอสุดยอดยนตรกรรมรุ่นใหม่ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับความเข้าใจในวิถีชีวิตของคนไทยอย่างลึกซึ้ง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในทุกเส้นทางของคุณ
การเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ในปี 2025 นั้นชัดเจนยิ่งกว่าที่เคย นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ระบบขับขี่อัจฉริยะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ และความยั่งยืนเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ นิสสันเข้าใจถึงกระแสเหล่านี้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะนำเสนอโซลูชันที่ตอบรับกับอนาคต ไม่ว่าจะเป็นด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ความปลอดภัยสูงสุด และการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ เพื่อให้ทุกการเดินทางไม่ใช่แค่การเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายและยกระดับคุณภาพชีวิต
วันนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงยนตรกรรมเรือธงจากนิสสัน ที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับความท้าทายและความต้องการของตลาดในปี 2025 โดยยังคงคุณค่าหลักของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นความทนทาน ประหยัดเชื้อเพลิง และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
Nissan Almera 2025: ซีดานอัจฉริยะที่ยกระดับประสบการณ์ในเมือง
นิสสัน อัลเมร่า ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ซีดานคอมแพคที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดไทยมาโดยตลอด ด้วยสมดุลที่ลงตัวระหว่างความประหยัดเชื้อเพลิง สมรรถนะที่น่าประทับใจ และพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ในปี 2025 นี้ อัลเมร่ารุ่นล่าสุดได้ถูกพัฒนาให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ที่ต้องการมากกว่าแค่การเดินทาง แต่คือ “ศูนย์กลางการเชื่อมต่อ” และ “ความปลอดภัยอัจฉริยะ” ที่จะทำให้ทุกวันเป็นเรื่องง่ายและสนุก
ภายใต้ฝากระโปรงยังคงเป็นหัวใจสำคัญคือเครื่องยนต์ HRA0 ขนาด 1.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ได้รับการปรับจูนใหม่ให้มีประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ดียิ่งขึ้น มอบกำลังสูงสุด 100 แรงม้า (Ps) และแรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร (Nm) พร้อมอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม สอดรับกับยุคที่ราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ เครื่องยนต์บล็อกนี้ให้การตอบสนองที่ฉับไวและต่อเนื่องด้วยแรงบิดแบบแฟลท (flat torque) ทำให้การเร่งแซงเป็นเรื่องง่าย และขับขี่สนุกในทุกสภาพการจราจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองที่ต้องการความคล่องตัวสูง
สิ่งที่ทำให้อัลเมร่า 2025 โดดเด่นอย่างแท้จริงคือการยกระดับเทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร ระบบอินโฟเทนเมนต์ NissanConnect ได้รับการอัปเกรดให้รองรับการเชื่อมต่อ 5G พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ที่แสดงผลได้คมชัดและรวดเร็วกว่าเดิม รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto™ และ Apple CarPlay® แบบไร้สาย (Wireless) เต็มรูปแบบ เพื่อให้คุณเข้าถึงแอปพลิเคชันโปรด แผนที่นำทางผ่าน Google Maps™ และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) ได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย ระบบ Bluetooth, USB Type-C และ AUX-IN ยังคงมีให้ใช้งานอย่างครบครัน เพื่อตอบสนองทุกความต้องการด้านการเชื่อมต่อ
ด้านความปลอดภัย นิสสัน อัลเมร่า 2025 ยังคงสานต่อปรัชญา Nissan Intelligent Mobility ด้วยชุดเทคโนโลยีความปลอดภัย 360-degree Safety Shield ที่ได้รับการปรับปรุงให้ฉลาดล้ำยิ่งขึ้น ครอบคลุมทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB), ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) และระบบเตือนขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention – ILI) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนทางหลวง และระบบเตือนผู้ขับขี่เมื่อเกิดอาการเหนื่อยล้า (Driver Attention Alert – DAA) เพื่อให้ทุกการเดินทางปลอดภัยยิ่งกว่าที่เคย
ภายในห้องโดยสารยังคงเป็นจุดเด่นด้วยความกว้างขวางและสะดวกสบาย เบาะนั่งพรีเมียม “Quole Modure” ที่ไม่สะสมความร้อนได้รับการออกแบบใหม่ให้โอบกระชับและรองรับสรีระได้ดียิ่งขึ้น มอบความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ระยะใกล้หรือไกล พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถยังคงกว้างขวาง ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว อัลเมร่า 2025 คือนิยามใหม่ของซีดานคอมแพคที่ฉลาด ประหยัด และปลอดภัย เหมาะสำหรับชีวิตในเมืองที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยความท้าทาย
Nissan Kicks e-POWER 2025: ประสบการณ์ EV ที่เหนือกว่า ไร้กังวล
นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ได้ปฏิวัติวงการ B-SUV ด้วยเทคโนโลยี e-POWER เอกสิทธิ์เฉพาะของนิสสัน ที่มอบประสบการณ์การขับขี่เฉกเช่นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องพึ่งพาสถานีชาร์จภายนอก และในปี 2025 นี้ คิกส์ อี-พาวเวอร์ ได้รับการยกระดับไปอีกขั้น ด้วยเจเนอเรชันที่ 3 ของระบบขับเคลื่อน e-POWER ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดทั้งด้านสมรรถนะและความประหยัด
หัวใจสำคัญของ คิกส์ อี-พาวเวอร์ 2025 คือระบบ e-POWER เจเนอเรชัน 3 ที่ได้รับการปรับปรุงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2.13 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) พร้อมทั้งพัฒนาระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ทำหน้าที่ปั่นไฟ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด มอบกำลังสูงสุดถึง 138 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 285 นิวตันเมตร (Nm) ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน ทำให้อัตราเร่งนุ่มนวล แต่ตอบสนองได้อย่างทันใจในทุกช่วงความเร็ว
ความโดดเด่นของเทคโนโลยี e-POWER คือการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงแรงบิดอันมหาศาลตั้งแต่เริ่มออกตัว ความเงียบสงบในห้องโดยสาร และการควบคุมรถที่แม่นยำดุจรถยนต์ไฟฟ้า แต่มีเครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็กทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จไฟหรือระยะทางขับขี่ที่จำกัด
ระบบ e-Pedal Step อันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสันได้รับการพัฒนาให้ใช้งานง่ายและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือลดความเร็วได้ด้วยแป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น หรือบนเส้นทางคดเคี้ยวที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำ ด้วยประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่น่าทึ่ง คิกส์ อี-พาวเวอร์ 2025 สามารถทำได้ถึง 27 กิโลเมตรต่อลิตรในการใช้งานในเมือง และเฉลี่ย 24.5 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับการขับขี่แบบผสมผสาน ทำให้เป็น B-SUV ที่ทั้งขับสนุกและคุ้มค่าอย่างแท้จริง
นิสสันยังคงนำเสนอ Kicks e-POWER ในรุ่น AUTECH ที่เสริมความสปอร์ตและพรีเมียมด้วยชุดแต่งภายนอกและภายในที่พิเศษเฉพาะ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและทันสมัย ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความแตกต่างและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารมีการอัปเกรดวัสดุและฟังก์ชันการใช้งาน เช่น ระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Charger) และช่องจ่ายไฟ USB Type-C เพิ่มเติม เพื่อรองรับการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในยุคปัจจุบันได้อย่างเต็มที่
Nissan Navara 2025: กระบะพันธุ์แกร่งที่ผสานขีดสุดของสมรรถนะและความอัจฉริยะ
นิสสัน นาวารา คือตำนานแห่งความแข็งแกร่งและสมรรถนะในตลาดรถกระบะของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยโครงสร้างแชสซีส์แบบโมโนเฟรมเหล็กกล้าชิ้นเดียว (Fully Boxed Frame) ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ในปี 2025 นาวาราได้รับการปรับโฉมและอัปเกรดครั้งสำคัญ เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มองหารถกระบะที่ไม่ได้เป็นแค่พาหนะบรรทุกของ แต่คือ “คู่หูที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์” และ “ศูนย์บัญชาการเคลื่อนที่” ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี
นาวารา 2025 มาพร้อมกับดีไซน์ภายนอกที่ดุดันและทันสมัยยิ่งขึ้น โดยยังคงกลิ่นอายของความบึกบึนไว้อย่างครบถ้วน สีเทา Stealth Gray สุดเท่ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยม พร้อมการออกแบบไฟหน้า LED ใหม่ และกระจังหน้า V-Motion ที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ มีให้เลือกทั้งในรุ่นยกสูง King Cab Caliber และ Double Cab Caliber เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกหนัก การเดินทางท่องเที่ยว หรือการขับขี่แบบออฟโรด
หัวใจของความแกร่งคือเครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT แบบ 4 สูบ DOHC ทวินเทอร์โบ ขนาด 2.3 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มอบกำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) และแรงบิดสูงสุดถึง 450 นิวตันเมตร (Nm) ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่มีโหมดแมนนวล (M Mode) ให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ได้เอง เพื่อเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ เครื่องยนต์บล็อกนี้ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่ยังโดดเด่นในเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิง และรองรับน้ำมันดีเซลได้ทุกประเภท ทั้ง B7, B10 และ B20 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในยุคปัจจุบัน
ระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนใหม่มอบความนุ่มนวลในการขับขี่บนถนนทั่วไป แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งและมั่นคงเมื่อต้องบรรทุกหนักหรือลุยเส้นทางสมบุกสมบัน ฟังก์ชันการใช้งานเพื่อการบรรทุกได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เช่น บันไดข้างที่กันชนหลังที่ช่วยให้การเข้า-ออกกระบะท้ายเป็นเรื่องง่าย และตำแหน่งตะขอยึดสัมภาระที่สามารถปรับได้ เพื่อตอบโจทย์การบรรทุกสัมภาระทั้งขนาดเล็กและใหญ่ได้อย่างยืดหยุ่น
ภายในห้องโดยสารของ นาวารา 2025 ได้รับการออกแบบให้มีความพรีเมียมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แผงหน้าปัดดิจิทัลแสดงข้อมูลการขับขี่ที่คมชัด หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 9 นิ้ว รองรับ NissanConnect และการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย เบาะนั่งได้รับการออกแบบให้รองรับสรีระได้ดียิ่งขึ้น ลดความเมื่อยล้าระหว่างการเดินทางไกล และระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone เพิ่มความสบายให้กับผู้โดยสารทุกคน
ด้านความปลอดภัย นาวารา 2025 มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Nissan Intelligent Mobility อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Intelligent Cruise Control – ICC), ระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (IFCW), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (IEB), ระบบเตือนการออกจากช่องทางเดินรถ (Lane Departure Warning – LDW) และระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ที่มีฟังก์ชันตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหว (Moving Object Detection – MOD) ช่วยให้การเข้าจอดและการขับขี่ในพื้นที่จำกัดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น นาวารา 2025 จึงไม่ใช่แค่รถกระบะ แต่เป็น “พาร์ทเนอร์” ที่พร้อมลุยไปกับคุณในทุกเส้นทาง
Nissan Terra 2025: พรีเมียม SUV สำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่รักการผจญภัย
นิสสัน เทอร์ร่า คือรถยนต์อเนกประสงค์ (PPV SUV) ระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ที่มองหารถที่รวมเอาความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมเข้าไว้ด้วยกัน ในปี 2025 เทอร์ร่าได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำเซกเมนต์ PPV ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา เทคโนโลยีที่ชาญฉลาด และความสามารถในการลุยที่เหนือชั้น ทำให้ทุกการเดินทางของครอบครัวเต็มไปด้วยความสุขและความประทับใจ
ดีไซน์ภายนอกของ เทอร์ร่า 2025 มีความโฉบเฉี่ยวและหรูหรามากขึ้น ด้วยเส้นสายที่คมชัด ไฟหน้าและไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ พร้อมกระจังหน้า V-Motion ที่ดูทรงพลัง ห้องโดยสารภายในได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยวัสดุคุณภาพสูง เบาะหนังพรีเมียมที่นุ่มสบายทุกสัมผัส และการจัดวางอุปกรณ์ที่เน้นการใช้งานจริงและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายตลอดการเดินทาง ด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบายสำหรับผู้โดยสารทั้ง 7 ที่นั่ง ทำให้เทอร์ร่าเป็นรถที่เหมาะกับการเดินทางระยะใกล้และไกลได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ขุมพลังหลักคือเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ได้รับการปรับจูนใหม่ให้มีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น มอบกำลังสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร (Nm) ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด และโหมดแมนนวล ทำให้การขับขี่มีชีวิตชีวาและตอบสนองได้ทันใจในทุกจังหวะ และเช่นเดียวกับนาวารา เครื่องยนต์บล็อกนี้รองรับน้ำมันดีเซลได้ทุกชนิด ทั้ง B7, B10 และ B20 พร้อมอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่น่าประทับใจสำหรับรถในกลุ่มนี้
ความพิเศษของ เทอร์ร่า 2025 คือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ที่ได้รับการพัฒนาให้ชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย (2H, 4H, 4L) และระบบล็อกเฟืองท้าย (Rear Differential Lock) ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นถนนลาดยาง ทางลูกรัง หรือเส้นทางออฟโรดที่ท้าทาย ทำให้ทุกการผจญภัยของครอบครัวเป็นไปได้จริง
เทคโนโลยีความปลอดภัย 360° Safety Shield ของเทอร์ร่า 2025 ได้รับการอัปเกรดให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ครอบคลุมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC), ระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (IFCW), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (IEB), ระบบเตือนจุดอับสายตา (BSW), ระบบเตือนขณะถอยหลัง (RCTA), ระบบเตือนการออกจากช่องทางเดินรถ (LDW) และระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) พร้อมฟังก์ชัน Off-Road Monitor ที่แสดงภาพรอบคันเมื่อขับขี่ในโหมด 4WD เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสะดวกสบายในทุกเส้นทาง
สำหรับความบันเทิงในครอบครัว เทอร์ร่า 2025 มาพร้อมระบบเครื่องเสียง BOSE® Premium Audio System พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่งรอบคัน มอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและสมจริง และเพื่อความสุขของผู้โดยสารด้านหลัง มีจอภาพขนาด 11 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ HDMI และ Smart TV ทำให้สมาชิกในครอบครัวสามารถรับชมความบันเทิงออนไลน์ได้อย่างเต็มที่ตลอดการเดินทาง นิสสัน เทอร์ร่า 2025 จึงเป็นมากกว่ารถยนต์ แต่คือพื้นที่ความสุขและความปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว
วิสัยทัศน์ Nissan Intelligent Mobility ในปี 2025: ก้าวสู่สังคมแห่งความยั่งยืน
นอกเหนือจากยนตรกรรมเรือธงที่เราได้กล่าวถึงไปแล้ว นิสสันยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด Nissan Intelligent Mobility ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ การเชื่อมต่อที่อัจฉริยะ และการผสานรวมเข้ากับสังคมอย่างอัจฉริยะ
นิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นบุกเบิกของโลก ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของยานยนต์ไฟฟ้าที่สามารถทำได้มากกว่าแค่การเดินทาง ในปี 2025 นี้ นิสสันยังคงเดินหน้าส่งเสริมแนวคิด Energy Share ด้วยการสาธิตเทคโนโลยีการชาร์จไฟแบบสองทาง (Bi-directional charge) ซึ่งไม่ใช่แค่การชาร์จไฟเข้าระบบแบตเตอรี่รถยนต์ แต่ยังสามารถส่งกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์กลับไปยังระบบไฟฟ้าภายในบ้าน (Vehicle-to-Home หรือ V2H) และส่งคืนสู่โครงข่ายไฟฟ้า (Vehicle-to-Grid หรือ V2G) ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นผลจากการศึกษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่องร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือน แต่ยังเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ และเป็นก้าวสำคัญสู่สังคมพลังงานหมุนเวียนและยั่งยืนอย่างแท้จริง นิสสันเชื่อมั่นว่ายานยนต์ไฟฟ้าคือส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโลกที่น่าอยู่ขึ้นสำหรับคนรุ่นต่อไป
ข้อเสนอสุดพิเศษต้อนรับปี 2025: โอกาสที่ดีที่สุดในการเป็นเจ้าของนิสสัน
เพื่อฉลองการก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่แห่งนวัตกรรม และเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้มีโอกาสเป็นเจ้าของยนตรกรรมจากนิสสันได้ง่ายยิ่งขึ้น นิสสันจึงได้จัดเตรียมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่นใดก็ตาม ตั้งแต่ Almera, Kicks e-POWER, Navara และ Terra ข้อเสนอเหล่านี้ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า พร้อมสร้างความคุ้มค่าสูงสุด
โปรโมชั่นพิเศษต้อนรับปี 2025:
อัตราดอกเบี้ย 0% หรือ ผ่อนสบายสูงสุด 96 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่กำหนดในแต่ละรุ่น) เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้อย่างสบายใจ
ดาวน์ต่ำเริ่มต้นเพียง 5% หรือ ฟรีดาวน์ สำหรับลูกค้าที่มีคุณสมบัติตามที่ธนาคารกำหนด ทำให้การตัดสินใจเป็นเจ้าของรถยนต์นิสสันง่ายขึ้นกว่าที่เคย
ส่วนลดพิเศษเงินสดสูงสุด 120,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถภายในระยะเวลาโปรโมชั่นที่กำหนด ซึ่งเป็นโอกาสทองที่คุณไม่ควรพลาด
ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection เป็นระยะเวลา 1 ปี พร้อม พ.ร.บ. เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่ตั้งแต่ก้าวแรก
แพ็กเกจบำรุงรักษาฟรีสูงสุด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถยนต์ได้อย่างมหาศาล
รับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) และ รับประกันแบตเตอรี่ e-POWER นาน 10 ปี (สำหรับรุ่น Kicks e-POWER) เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพของรถยนต์นิสสันในระยะยาว
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อให้คุณอุ่นใจในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆ บนท้องถนน
พิเศษสำหรับลูกค้าปัจจุบันของนิสสัน: รับเพิ่มบัตรกำนัล Nissan Loyalty Gift มูลค่าสูงสุด 15,000 บาท เมื่อซื้อรถยนต์นิสสันคันใหม่ และสิทธิพิเศษในการเทิร์นอินรถคันเก่าด้วยราคาที่น่าพึงพอใจ
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสู่ทศวรรษแห่งอนาคตกับนิสสัน
ตลอดกว่า 7 ทศวรรษที่ผ่านมา นิสสันได้พิสูจน์ถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย และความมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต การก้าวเข้าสู่ปี 2025 นี้ นิสสันยังคงยืนหยัดในตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่ความยั่งยืน
หากคุณกำลังมองหายนตรกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปี 2025 ที่รวมเอาความประหยัด ความปลอดภัย เทคโนโลยีล้ำสมัย และความคุ้มค่าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นซีดานอัจฉริยะ B-SUV พลังไฟฟ้า รถกระบะพันธุ์แกร่ง หรือพรีเมียม SUV สำหรับครอบครัว นิสสันมีคำตอบสำหรับคุณ
อย่ารอช้า! โอกาสพิเศษเช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยครั้ง เยี่ยมชมโชว์รูมนิสสันทั่วประเทศ เพื่อสัมผัสกับยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด และทดลองขับด้วยตัวคุณเอง เพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ หรือติดต่อผู้จำหน่ายนิสสันใกล้บ้านท่านวันนี้! ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยคุณค้นหารถยนต์นิสสันที่ใช่สำหรับคุณและครอบครัว แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนิสสัน และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจบนทุกเส้นทางแห่งอนาคต

