Leapmotor B10: ดาวเด่นดวงใหม่แห่งวงการรถยนต์ไฟฟ้า B-SUV ในปี 2025
ปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคต่างมองหานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย และความคุ้มค่า ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังจะถูกเติมเต็มด้วยการมาถึงของ Leapmotor B10 (เลปมอเตอร์ B10) รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่พร้อมพลิกโฉมตลาด B-SUV EV ให้คึกคักยิ่งกว่าเดิม โดยบริษัท พรพระนครยนตรการ (PNA Group) ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ภายใต้การสนับสนุนจาก Stellantis Group ได้ประกาศความพร้อมสำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของน้องเล็กคันนี้ ที่มาพร้อมความมุ่งมั่นที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในเซกเมนต์ที่การแข่งขันดุเดือดที่สุด
หลังจากที่ Leapmotor C10 (เลปมอเตอร์ C10) ได้สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยช่วงล่างที่ปรับแต่งโดยวิศวกรจาก Maserati (มาเซราติ) ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมในด้านความนุ่มนวลและเกาะถนน แต่ยอดขายยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เดือนตุลาคม 2025 นี้ จึงเป็นเวลาที่ Leapmotor B10 จะเข้ามาเป็นความหวังใหม่ ด้วยตำแหน่งทางการตลาดในกลุ่ม B-SUV ไฟฟ้า 100% ที่เป็นที่ต้องการอย่างสูง การมาของ B10 ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มตัวเลือก แต่เป็นการนำเสนอประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เหนือกว่าในราคาที่เข้าถึงได้ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมืองที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์ ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การออกแบบที่โดดเด่นและมิติตัวถังที่สมดุล
Leapmotor B10 ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Less is More” เน้นความเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความทันสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน เส้นสายตัวถังที่ดูสะอาดตา สัดส่วนที่ลงตัว สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ด้วยมิติตัวถังที่สมมาตรอย่างลงตัว ทำให้ B10 มีรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวและแข็งแกร่งในคราวเดียวกัน
ความยาว: 4,515 มิลลิเมตร
ความกว้าง: 1,885 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,655 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ (Wheelbase): 2,735 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance): 170 มิลลิเมตร
เมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Leapmotor C10 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย (C10: 4,739 x 1,900 x 1,680 มม. | ฐานล้อ 2,825 มม.) ทำให้ B10 มีความคล่องตัวสูงกว่า เหมาะสำหรับการขับขี่ในสภาพการจราจรที่หนาแน่นของเมืองใหญ่ และการซอกซอนในพื้นที่จำกัดได้ดีกว่า ขณะเดียวกันก็ยังคงให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง ไม่รู้สึกอึดอัด ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,735 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญของ รถยนต์ B-SUV ไฟฟ้า ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือทริปท่องเที่ยวระยะสั้นกับครอบครัว
ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคตที่แรงและประหยัด
หัวใจสำคัญของ Leapmotor B10 คือขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ที่ให้สมรรถนะอันน่าประทับใจ พร้อมทางเลือกแบตเตอรี่สองขนาด เพื่อตอบสนองความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกันของผู้บริโภค
รุ่น LIFE 56.2 kWh:
มอเตอร์ไฟฟ้า: 1 ตัว
พละกำลังสูงสุด: 218 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด: 240 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: Lithium-ion (LFP) จาก CATL (หนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำระดับโลก) ขนาดความจุ 56.2 kWh
ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง RWD (Rear-Wheel Drive)
ระยะทางวิ่งสูงสุด: 470 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ภายใน 8 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 170 กม./ชม.
รุ่น STYLE / DESIGN 67.1 kWh:
มอเตอร์ไฟฟ้า: 1 ตัว
พละกำลังสูงสุด: 218 แรงม้า (PS)
แรงบิดสูงสุด: 240 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่: Lithium-ion (LFP) จาก CATL ขนาดความจุ 67.1 kWh
ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง RWD (Rear-Wheel Drive)
ระยะทางวิ่งสูงสุด: 516 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ภายใน 8 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 170 กม./ชม.
การเลือกใช้แบตเตอรี่ LFP (Lithium Iron Phosphate) จาก CATL ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Leapmotor ในด้านความปลอดภัยและความทนทาน แบตเตอรี่ LFP มีจุดเด่นในเรื่องของอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และมีความเสถียรทางเคมีสูงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประเภทอื่น ๆ ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ในทุกเส้นทาง สมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้า ที่ 218 แรงม้า ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความคล่องตัว หรือการเดินทางไกลที่ต้องการอัตราเร่งแซงที่มั่นใจได้ และด้วย แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดกว่า 500 กิโลเมตรในรุ่นท็อป ทำให้การวางแผนการเดินทางทำได้อย่างไร้กังวล ลดความกังวลเรื่อง “Range Anxiety” หรือความกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดกลางทางลงได้อย่างสิ้นเชิง ทำให้ B10 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้า ที่พร้อมสำหรับการผจญภัยในทุกรูปแบบ
ช่วงล่างที่มอบการขับขี่ที่เหนือกว่า
แม้จะไม่ได้มีการปรับจูนจาก Maserati เหมือนรุ่นพี่ แต่ Leapmotor B10 ก็ได้รับการออกแบบช่วงล่างอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้การขับขี่ที่สมดุลระหว่างความนุ่มนวลและความเกาะถนน
ล้ออัลลอย: Star Sports ขนาด 18 นิ้ว
ยาง: ขนาด 225/50 R18
ช่วงล่างด้านหน้า: อิสระ MacPherson Strut
ช่วงล่างด้านหลัง: อิสระ 4-Links
ระบบช่วงล่างอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมยางขนาดเหมาะสม ช่วยให้ B10 สามารถดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความรู้สึกนุ่มนวลและสบายตลอดการเดินทาง ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเสถียรภาพการทรงตัวได้ดีเยี่ยมในการเข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วสูง การเลือกใช้ล้อขนาด 18 นิ้วยังเป็นจุดที่ลงตัวสำหรับการควบคุมและ ประสบการณ์ขับขี่ ที่ดีในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะบนถนนลาดยางเรียบ ๆ หรือเส้นทางที่ท้าทายเล็กน้อย
การชาร์จที่รวดเร็วและเทคโนโลยี V2L
Leapmotor B10 มาพร้อมระบบการชาร์จที่รองรับการใช้งานที่หลากหลายและรวดเร็ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุด
การชาร์จกระแสสลับ AC: รองรับสูงสุด 11 kW (ช่วยให้การชาร์จที่บ้านหรือตามสถานีชาร์จสาธารณะเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ)
การชาร์จกระแสตรง DC:
รุ่น Life 56.2 kWh: รองรับสูงสุด 140 kW
รุ่น Style/Design 67.1 kWh: รองรับสูงสุด 168 kW
DC Fast Charging (30-80%): ภายในเวลาเพียง 18-20 นาที (ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จที่รวดเร็วนี้ ทำให้การหยุดพักชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างการเดินทางไกลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน)
ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L (Vehicle-to-Load): สูงสุด 3.3 kW (ฟังก์ชัน V2L เป็นอีกหนึ่ง นวัตกรรมยานยนต์ ที่เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับรถยนต์ไฟฟ้า ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนำกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์ไปจ่ายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์ ปาร์ตี้กลางแจ้ง หรือแม้กระทั่งเป็นแหล่งพลังงานสำรองในยามฉุกเฉิน)
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่รวดเร็วและยืดหยุ่น ทำให้ Leapmotor B10 เป็นมากกว่าแค่ยานพาหนะ แต่เป็นศูนย์กลางพลังงานเคลื่อนที่ ที่พร้อมรองรับทุกกิจกรรมของผู้ใช้งานในยุค 2025
ภายในห้องโดยสารที่เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีและความสบาย
เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ Leapmotor B10 คุณจะสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด ที่ผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
หลังคากระจก Panoramic Roof แบบ Fixed: มอบทัศนวิสัยที่กว้างขวางและโปร่งสบาย เพิ่มความรู้สึกโล่ง ไม่อึดอัด
ม่านบังแดดหลังคา: เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายและควบคุมแสงได้ง่าย
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ: ควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
ระบบกรองฝุ่น PM 2.5: สำคัญอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน เพื่ออากาศบริสุทธิ์ภายในรถ
ระบบกุญแจ Bluetooth และ NFC Card: มอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงรถ ไม่ต้องพกกุญแจแบบเดิมๆ
เบาะนั่งโครงสร้าง 7 ชั้น OEKO-TEX Certification: รับรองมาตรฐานความปลอดภัย ไม่ระคายเคืองผิว สวมใส่สบายเป็นพิเศษ
เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้า (รุ่น Life) / ECO Leather (รุ่น Design): ตอบโจทย์ความชอบที่หลากหลาย มอบสัมผัสที่แตกต่าง
เบาะนั่งคู่หน้า: ปรับด้วยมือ (Life) / ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมระบบระบายอากาศและอุ่น (Design) เพิ่มความสะดวกสบายสูงสุด
เบาะนั่งด้านหลัง: แยกพับอิสระ 60:40 และพับได้เรียบสนิท เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างมหาศาล ทำให้ B10 เป็น รถยนต์ครอบครัว ที่ใช้งานได้จริงในทุกโอกาส
ช่องแอร์ตกแต่งด้วยโครเมียม และแผงประตูบุนุ่ม: เพิ่มสัมผัสพรีเมียมและความหรูหรา
พวงมาลัยแบบสปอร์ต สีทูโทน พร้อมสวิตซ์ควบคุม: จับถนัดมือ ใช้งานง่าย ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน
จอมาตรวัด Full Digital LCD แบบสี ขนาด 8.8 นิ้ว: แสดงข้อมูลการขับขี่ที่คมชัด อ่านง่าย
หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 14.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K: ศูนย์กลางความบันเทิงและข้อมูล แสดงผลกราฟิกที่สวยงาม รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (Wireless) ที่พร้อมใช้งานอย่างเต็มรูปแบบภายในธันวาคม 2025 นี้ ทำให้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเป็นไปอย่างราบรื่น
ระบบแผนที่นำทาง Here Map: นำทางได้อย่างแม่นยำและเชื่อถือได้
ลำโพง 6 ตำแหน่ง (Life, Style) / 12 ตำแหน่ง (Design): มอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและสมจริง
ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger 15W: เพิ่มความสะดวกในการชาร์จอุปกรณ์
ช่องชาร์จ USB Type C 60W: รองรับการชาร์จอุปกรณ์ที่ต้องการกำลังไฟสูง
ความแตกต่างในแต่ละรุ่นย่อย (ราคาและคุณสมบัติ)
Leapmotor B10 เวอร์ชั่นไทยที่นำเข้าแบบ CBU (Complete Built Unit) จากจีน มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในด้านราคาและคุณสมบัติ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในปี 2025
B10 Life 56.2 kWh (ราคาประมาณ 688,000 บาท)
เป็นรุ่นเริ่มต้นที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุด ด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 218 แรงม้า และแบตเตอรี่ 56.2 kWh ที่วิ่งได้ 470 กม. อุปกรณ์มาตรฐานครบครันสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ไฟฟ้าราคา ที่เข้าถึงได้ แต่ยังคงได้สัมผัสกับสมรรถนะและความสะดวกสบายที่จำเป็น
B10 Style 67.1 kWh (ราคาประมาณ 748,000 บาท)
สิ่งที่เพิ่มจากรุ่น Life:
อัปเกรดแบตเตอรี่เป็น Lithium-ion (LFP) ขนาดความจุ 67.1 kWh เพิ่มระยะทางวิ่งเป็น 516 กม. (มาตรฐาน NEDC)
รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 168 kW (เร็วกว่าเดิม)
กระจกมองข้าง พร้อมระบบไล่ฝ้า (เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในสภาพอากาศเย็นหรือมีหมอก)
รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการระยะทางขับขี่ที่ไกลขึ้น และความสามารถในการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อการเดินทางที่อิสระมากขึ้น
B10 Design 67.1 kWh (ราคาประมาณ 788,000 บาท)
สิ่งที่เพิ่มจากรุ่น Style:
กระจกหน้าต่างด้านหลัง แบบ Privacy Glass (เพิ่มความเป็นส่วนตัวและลดความร้อน)
กระจกมองข้าง พับด้วยไฟฟ้า และ พับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อครถ (เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการจอดรถ)
ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี (เพิ่มความหรูหราและปรับแต่งบรรยากาศภายในรถได้ตามใจชอบ)
ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor (สะดวกสบายยิ่งขึ้นในวันที่ฝนตก)
ฝาท้าย เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า (เพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงห้องเก็บสัมภาระ โดยเฉพาะเมื่อมีสัมภาระเต็มมือ)
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ECO Leather (สัมผัสที่หรูหราและดูแลรักษาง่าย)
เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง (ปรับตำแหน่งได้แม่นยำและสะดวกสบาย)
เบาะนั่งคู่หน้า พร้อมระบบระบายอากาศ Ventilation Seats (ช่วยลดความอับชื้นและความร้อนในการขับขี่ระยะไกล หรือในสภาพอากาศร้อน)
เบาะนั่งคู่หน้า พร้อมระบบอุ่น Heated Seats (เพิ่มความสบายในสภาพอากาศเย็น)
ที่วางแขนเบาะนั่งด้านหลัง พร้อมที่วางแก้ว (เพิ่มความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง)
ลำโพง 12 ตำแหน่ง (ยกระดับคุณภาพเสียงภายในห้องโดยสาร ให้ความบันเทิงที่สมบูรณ์แบบ)
รุ่น Design คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการ รถยนต์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความหรูหราขั้นสุด เพื่อ ประสบการณ์ขับขี่ และการใช้งานที่เหนือระดับ
ระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) และมาตรฐานระดับโลก
Leapmotor B10 ไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่เรื่องสมรรถนะและดีไซน์ แต่ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัย ด้วยการติดตั้ง ระบบความปลอดภัย ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงรับที่ครบครัน
ระบบเบรก ABS / EBD / BA: เพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกและควบคุมทิศทาง
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control): ช่วยรักษาเสถียรภาพของรถในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC (Traction Control System): ป้องกันล้อหมุนฟรีและเพิ่มการยึดเกาะถนน
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control): ช่วยควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชันอย่างปลอดภัย
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control): ป้องกันรถไหลเมื่อออกตัวบนทางลาดชัน
ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาด BOS (Brake Override System): เพิ่มความปลอดภัยในกรณีเหยียบคันเร่งและเบรกพร้อมกัน
ระบบสัญญาณเตือนหยุดรถฉุกเฉิน ESS (Emergency Signal System): ส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีการเบรกกะทันหัน
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมฟังก์ชั่น AVH (Auto Vehicle Hold): เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ในเมือง
ระบบ ADAS: ทำงานร่วมกับเรดาร์ Ultrasonic 4 ตัว และเซนเซอร์ MMW 2 ตัว เพื่อการตรวจจับที่แม่นยำ
ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Semi-Autonomous L2: ช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ในการเดินทางไกล
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control): รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ
ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LCC (Lane Centering Control): ช่วยให้รถวิ่งอยู่กลางเลนอย่างต่อเนื่อง
ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keeping Assist): ช่วยป้องกันรถออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ
ระบบควบคุมรถฉุกเฉินให้อยู่ในเลน ELKA (Emergency Lane Keeping Assist): เข้ามาช่วยประคองรถกลับเข้าเลนในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning): แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังจะออกนอกเลน
ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW (Front Collision Warning): แจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชนด้านหน้า
ระบบเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning): แจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชนด้านหลัง
ระบบเตือนเมื่อเปิดประตูรถ DOW (Doors Open Warning): แจ้งเตือนเมื่อมีวัตถุหรือรถยนต์เคลื่อนที่เข้ามาขณะเปิดประตู
ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection): แจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา
ระบบเบรกอัตโนมัติ AEB (Advanced Emergency Braking): ทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความรุนแรงหรือป้องกันการชน
ระบบตรวจจับการปล่อยมือบนพวงมาลัย HOD (Hands Off Detection): แจ้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่ปล่อยมือจากพวงมาลัย
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert): แจ้งเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนที่มาจากด้านข้างขณะถอยหลัง
ระบบเบรกอัตโนมัติด้านหลัง RCTB (Rear Cross Traffic Braking): เบรกอัตโนมัติเมื่อมีความเสี่ยงที่จะชนขณะถอยหลัง
ระบบช่วยควบคุมความเร็ว ISA (Intelligent Speed Assist): ช่วยควบคุมความเร็วให้เป็นไปตามกฎหมายจราจร
ระบบตรวจจับเมื่อคนขับเหนื่อยล้า DDAW (Driver Drowsiness Attention Warning): ตรวจจับอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
ระบบเตือนเมื่อคนขับเหนื่อยล้า ADDW (Advanced Driver Distraction Warning): แจ้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่ไม่มีสมาธิในการขับขี่
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง: (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-กลางเบาะคู่หน้า) มอบการปกป้องที่ครอบคลุม
กล้องรอบคัน 360 องศา: ช่วยให้การจอดรถและขับขี่ในที่แคบเป็นเรื่องง่าย
เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง: เพิ่มความมั่นใจในการจอดรถ
ด้วยชุด ระบบความปลอดภัย ADAS ที่ครอบคลุมและถุงลมนิรภัยที่มากถึง 7 ตำแหน่ง ทำให้ Leapmotor B10 เป็นหนึ่งใน รถยนต์ SUV ไฟฟ้า ที่ปลอดภัยที่สุดในตลาด ตอบโจทย์ผู้ที่มองหา รถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อม ที่มาพร้อมกับความอุ่นใจในทุกการเดินทาง
สรุป: Leapmotor B10 ผู้ท้าชิงที่น่าจับตาในตลาด EV ไทย 2025
การมาถึงของ Leapmotor B10 ในเดือนตุลาคม 2025 นี้ ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้า คุณภาพสูงในราคาที่สมเหตุสมผล ด้วยการผสมผสานระหว่างดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ระยะทางวิ่งที่น่าประทับใจ การชาร์จที่รวดเร็ว และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง Leapmotor B10 จึงพร้อมที่จะเข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาด EV SUV ในประเทศไทย
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าคันแรก หรือครอบครัวที่ต้องการรถยนต์อเนกประสงค์ที่ประหยัดพลังงานและปลอดภัย Leapmotor B10 มีศักยภาพที่จะตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้อย่างครบถ้วน ด้วยราคาที่แข่งขันได้และฟีเจอร์ที่อัดแน่น ทำให้ B10 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในตลาด รถยนต์ B-SUV ไฟฟ้าปี 2025 อย่างไม่ต้องสงสัย ผู้ที่สนใจสามารถเตรียมตัวสัมผัสประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตกับ Leapmotor B10 ได้ที่โชว์รูมพรพระนครยนตรการทั่วประเทศเร็วๆ นี้

