Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one: นิยามใหม่ของ SUV พรีเมียมไฮบริด ที่พร้อมพุ่งทะยานสู่ปี 2025
ในโลกยานยนต์ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคแห่งพลังงานสะอาดและความยั่งยืน Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของแบรนด์สี่ห่วงได้อย่างชัดเจน สำหรับปี 2025 นี้ SUV ขนาดใหญ่สุดหรูคันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงพาหนะที่พาคุณจากจุด A ไปยังจุด B เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความล้ำหน้า ความหรูหรา และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่ผสานกันอย่างลงตัว ด้วยการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั้งด้านพละกำลัง ระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า เทคโนโลยีความปลอดภัย และดีไซน์ที่เฉียบคมยิ่งขึ้น ทำให้ Q7 TFSI e quattro S line edition one ยืนหยัดอย่างโดดเด่นในฐานะผู้นำในเซกเมนต์รถยนต์อเนกประสงค์พรีเมียม
นับตั้งแต่ Audi Q7 ถือกำเนิดขึ้นในฐานะ SUV ลักซ์ชัวรีที่โดดเด่นด้วยขนาด สมรรถนะ และความสง่างาม ก็ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดมาโดยตลอด และในรุ่น TFSI e quattro S line edition one นี้ Audi ได้นำเสนอการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในอันทรงพลังเข้ากับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่มองหานวัตกรรมยานยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนชีวิตได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองที่ต้องการความประหยัดและไร้มลพิษ หรือการผจญภัยนอกเมืองที่ต้องการพละกำลังและความมั่นใจ
การปฏิวัติในทุกมิติ: ดีไซน์ภายนอกที่สะท้อนอนาคต
สิ่งแรกที่สะกดทุกสายตาเมื่อได้เห็น Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one คือดีไซน์ภายนอกที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยว ทันสมัย และสปอร์ตยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับแต่งเล็กน้อย แต่เป็นการยกระดับสุนทรียภาพให้สอดรับกับปรัชญาการออกแบบยุคใหม่ของ Audi โดยเริ่มต้นจาก กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมลวดลายที่ซับซ้อนและดุดันกว่าเดิม ผสานเข้ากับ โลโก้ Audi แบบ 2D Ring ดีไซน์ใหม่ล่าสุดที่ดูเรียบหรูและทันสมัยอย่างมีมิติ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลของแบรนด์
ชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ไม่เพียงแต่ให้ความสว่างและประสิทธิภาพการส่องสว่างที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์อันโดดเด่นให้กับส่วนหน้าของรถ ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและเทคโนโลยีไฟส่องสว่างอันล้ำสมัยที่สามารถปรับรูปแบบการส่องสว่างได้ตามสภาพถนนและสถานการณ์การขับขี่ ในส่วนของ ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ก็ได้รับการออกแบบให้เข้าชุดกับด้านหน้าอย่างลงตัว ด้วยกราฟิกไฟ LED ที่สวยงามและโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามค่ำคืน สร้างความประทับใจและความปลอดภัยให้กับผู้ที่ขับตามมา
เพื่อตอกย้ำความสปอร์ตและสมรรถนะที่เหนือกว่า Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one ยังมาพร้อมกับ กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ ในแพ็กเกจ S line ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความดุดันและสมส่วนให้กับตัวรถเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์อีกด้วย ปิดท้ายด้วย ล้ออัลลอย Audi Sport สีดำลายใหม่ขนาด 21 นิ้ว ที่ดูบึกบึนและทันสมัย จับคู่กับ ยาง Continental SportContact6 ขนาด 285/40 R21 ซึ่งเป็นยางสมรรถนะสูงที่ออกแบบมาเพื่อการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาวะ และเพื่อให้ลุคสปอร์ตสมบูรณ์แบบ ยังประดับด้วย คาลิปเปอร์เบรกสีแดง ทั้งด้านหน้าและด้านหลังที่มองเห็นได้ชัดเจนผ่านล้ออัลลอยสีดำเงา สร้างความแตกต่างและบ่งบอกถึงศักยภาพการหยุดรถที่มั่นใจได้
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความพิเศษ Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one ยังนำเสนอสีตัวถังภายนอกใหม่ล่าสุดอย่าง Waitomo Blue Metallic ที่สะท้อนถึงความหรูหราและความสง่างามในแบบที่ไม่เหมือนใคร พร้อมด้วยตัวเลือกสีคลาสสิกอย่าง Daytona Grey Pearl Effect, Glacier White metallic, Mythos Black metallic และ Satellite Silver metallic ที่ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าได้เลือกสรรตามความชอบส่วนบุคคล
มิติใหม่ของความสะดวกสบายและเทคโนโลยี: ห้องโดยสารที่ก้าวล้ำ
ก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความหรูหรา โอ่อ่า และเทคโนโลยีที่ถูกจัดวางไว้อย่างพิถีพิถันและใช้งานง่าย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ Audi ในปี 2025 นี้ ความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อเทคโนโลยีในรถยนต์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงความบันเทิงอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงการเชื่อมต่อ ความปลอดภัย และความง่ายในการใช้งาน
หัวใจสำคัญของการแสดงผลข้อมูลคือ ชุดมาตรวัดดิจิทัล Audi Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งสามารถปรับแต่งการแสดงผลได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการขับขี่ ระบบนำทาง หรือข้อมูลความบันเทิง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น ถัดมาคือ หน้าจอกลางระบบสัมผัส MMI Navigation Plus with MMI touch response ขนาด 10.1 นิ้ว ที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมระบบ Infotainment ต่างๆ ด้วยกราฟิกที่สวยงามและใช้งานง่าย รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตที่เชื่อมโยงอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ยังมี หน้าจอควบคุมกลางแบบสัมผัส Haptic Feedback ขนาด 8.6 นิ้ว ที่ติดตั้งอยู่ด้านล่าง ใช้สำหรับควบคุมฟังก์ชันต่างๆ เช่น ระบบปรับอากาศและฟังก์ชันอำนวยความสะดวกอื่นๆ ด้วยการตอบสนองแบบสัมผัส (Haptic Feedback) ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับการกดปุ่มจริง ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยในการใช้งานขณะขับขี่
ประสบการณ์การเดินทางจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วย ระบบเสียงพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ ที่มอบมิติเสียงที่คมชัดและสมจริง ประหนึ่งยกฮอลล์คอนเสิร์ตมาไว้ในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นบทเพลงโปรด หรือการสนทนาระหว่างเดินทาง ก็จะได้รับอรรถรสสูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ Audi ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้เหนือระดับอย่างแท้จริง
พละกำลังที่เหนือกว่า ผสานความรับผิดชอบ: ระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid
หัวใจหลักที่ทำให้ Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one แตกต่างและโดดเด่นในตลาดรถยนต์ปี 2025 คือระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid ที่ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญ ขุมพลังหลักมาจาก เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร 2,995 ซีซี เทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของความนุ่มนวลและพละกำลังที่มาอย่างต่อเนื่อง
ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 460 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพทั้งด้านสมรรถนะและความประหยัด เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ ระบบจะสามารถสร้าง พละกำลังสูงสุดรวม 394 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับ SUV ขนาดใหญ่เช่นนี้ พลังทั้งหมดจะถูกส่งผ่าน เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Tiptronic ที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล พร้อมระบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro อันเป็นเอกลักษณ์ของ Audi ที่ให้การยึดเกาะถนนและความมั่นใจในการขับขี่ที่เหนือกว่าในทุกสภาพพื้นผิว ผลลัพธ์คืออัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ใช้เวลาเพียง 5.7 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความสามารถด้านสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ไม่แพ้รถสปอร์ตหลายๆ รุ่น
พลังงานไฟฟ้าที่ไปได้ไกลขึ้น: แบตเตอรี่และระยะทางขับขี่
หนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของการอัปเกรดใน Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one คือการเพิ่มขนาด แบตเตอรี่ Lithium-ion จากเดิม 17.9 kWh เป็น 25.9 kWh ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความจุที่ส่งผลอย่างมหาศาลต่อระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้า ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นนี้ ทำให้รถสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลถึง 71.1 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) จากเดิมที่ 41 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง
ระยะทาง 71.1 กิโลเมตรนี้ เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน การรับส่งบุตรหลาน หรือการทำธุระในเมือง โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเลย ทำให้ผู้ขับขี่สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมหาศาล และยังช่วยลดการปล่อยมลพิษในเขตเมือง ทำให้ Q7 TFSI e quattro เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราและสมรรถนะของ Audi
การชาร์จไฟก็เป็นเรื่องง่าย ด้วยการรองรับการชาร์จไฟกระแสสลับ AC ที่กำลัง 7.4 kW ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จไฟจาก 0-100% เพียงประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งสามารถทำได้ที่บ้านในเวลากลางคืน หรือที่สถานีชาร์จสาธารณะที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ เพื่อความอุ่นใจในการใช้งาน Audi ยังให้ การรับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความทนทานและคุณภาพของระบบแบตเตอรี่จาก Audi
ความปลอดภัยที่ไร้ที่ติ: เทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่แห่งอนาคต
ในปี 2025 เทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดไปไกลกว่าที่เคย และ Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one ก็ได้ติดตั้งระบบเหล่านี้มาอย่างครบครัน เพื่อมอบความอุ่นใจสูงสุดให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ระบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระในการขับขี่ ทำให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างผ่อนคลายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน และรักษาระยะห่างด้านหน้า (Adaptive Cruise Control with Stop & Go function): ระบบอัจฉริยะนี้จะช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ปรับความเร็วตามสภาพการจราจร และสามารถหยุดรถเองได้ในสภาวะการจราจรติดขัด และเคลื่อนที่ต่อไปเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการเดินทางระยะไกลและในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning): ระบบจะตรวจจับเส้นแบ่งเลน และแจ้งเตือนผู้ขับขี่หากรถมีแนวโน้มจะออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากการเผลอหลับในหรือเสียสมาธิ
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane Change Warning / Blind Spot Assist): เซ็นเซอร์จะตรวจจับรถที่อยู่ในจุดอับสายตา และแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยไฟสัญญาณที่กระจกมองข้าง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขณะเปลี่ยนเลน
ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตูลงจากรถ (Exit Warning): ระบบนี้จะตรวจจับรถหรือจักรยานยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่มาจากด้านหลัง และแจ้งเตือนผู้โดยสารก่อนที่จะเปิดประตู เพื่อป้องกันการชนที่อาจเกิดขึ้น
ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear Cross-Traffic Assist): เมื่อถอยรถออกจากช่องจอด ระบบจะตรวจจับรถที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านมาจากด้านข้างและด้านหลัง พร้อมแจ้งเตือนผู้ขับขี่ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการถอยจอดในพื้นที่จำกัด
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุแบบพื้นฐานด้านหน้าและด้านหลัง (Audi Pre sense basic, front, and rear): เป็นระบบที่คอยตรวจจับสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุ และเตรียมความพร้อมของรถ เช่น รัดเข็มขัดนิรภัยให้แน่น ปรับเบาะนั่งให้เหมาะสม และปิดหน้าต่าง เพื่อลดความเสียหายและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround Cameras): กล้อง 360 องศารอบคันช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบรถได้อย่างชัดเจน ทั้งในมุมมองแบบ Bird’s-eye view และมุมมองแบบ 3 มิติ ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยในการจอดรถในพื้นที่แคบ
ระบบเตือนเมื่อรถคันข้างหน้าเคลื่อนที่ (Traffic Jam Assist): ทำงานร่วมกับ Adaptive Cruise Control ช่วยควบคุมรถให้เคลื่อนที่ไปตามการจราจรที่ติดขัดอย่างราบรื่น ลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
ระบบแจ้งเตือนรถเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Warning): (ซ้ำกับข้างบน แต่สามารถเน้นย้ำความสำคัญได้)
ระบบเหล่านี้เป็นมากกว่าแค่ฟังก์ชันเสริม แต่เป็นส่วนสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ Audi ในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่มอบทั้งสมรรถนะ ความหรูหรา และความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การจราจรมีความซับซ้อนและข้อมูลท่วมท้น
ราคาที่คุ้มค่าและตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง
แม้จะมาพร้อมกับการอัปเกรดครั้งใหญ่และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one กลับเปิดตัวด้วย ราคาที่ถูกลงกว่าเดิมถึง 100,000 บาท โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,799,000 บาท ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งจาก Audi ในการมอบความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้าท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด SUV พรีเมียม
การปรับลดราคาในขณะที่เพิ่มฟีเจอร์และปรับปรุงประสิทธิภาพ ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Audi ในการทำให้รถยนต์ Plug-in Hybrid ที่ทันสมัยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ Q7 TFSI e quattro ในปี 2025 ที่ผู้บริโภคมีความต้องการทั้งด้านนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าไปพร้อมๆ กัน
เมื่อพิจารณาถึงมิติตัวถังที่กว้างขวาง (กว้าง 2,212 มม. ยาว 5,072 มม. สูง 1,735 มม.) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่สะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารทุกคน รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระที่มากพอสำหรับการเดินทางไกลหรือกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ผนวกกับดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือชั้น และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์พรีเมียมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในชีวิตประจำวันและในอนาคต
สีสันแห่งการเลือกสรร
Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one มีสีตัวถังภายนอกให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่:
Daytona Grey Pearl Effect
Glacier White metallic
Mythos Black metallic
Waitomo Blue metallic (สีใหม่)
Satellite Silver metallic
แต่ละสีล้วนสะท้อนถึงบุคลิกที่แตกต่างกัน ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกสรรให้เข้ากับสไตล์และความชอบของตนเองได้อย่างลงตัว
สรุป: SUV แห่งอนาคตที่พร้อมสำหรับคุณในวันนี้
Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one ไม่ได้เป็นเพียงการปรับโฉมเล็กน้อย แต่เป็นการยกระดับครั้งสำคัญที่ทำให้ SUV คันนี้กลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นและน่าจับตามองในตลาดรถยนต์ปี 2025 ด้วยการผสมผสานดีไซน์ที่หรูหราทันสมัย สมรรถนะอันทรงพลังจากระบบ Plug-in Hybrid ที่ไปได้ไกลขึ้นด้วยพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำหน้า และห้องโดยสารที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความสะดวกสบาย ทุกองค์ประกอบถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ที่มองหาสุดยอดยานยนต์อเนกประสงค์
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจที่ต้องการความหรูหราและภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ ครอบครัวที่ต้องการพื้นที่และความปลอดภัย หรือผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีและสมรรถนะที่เหนือกว่า Audi Q7 TFSI e quattro S line edition one คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ มันไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือเพื่อนร่วมเดินทางที่พร้อมจะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโลกสู่ยุคแห่งพลังงานที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ด้วยราคาที่คุ้มค่ากว่าเดิมและการอัปเกรดที่ครบครัน ทำให้ Q7 TFSI e quattro S line edition one กลายเป็นนิยามใหม่ของ SUV พรีเมียมไฮบริดที่พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้ากับคุณในทุกเส้นทาง.
