• Sample Page
filmthai2.huongrung.net
No Result
View All Result
No Result
View All Result
filmthai2.huongrung.net
No Result
View All Result

G0811024 อย่าลืมบุญคุณคนที่ช่วยเราไว้ ! part2

admin79 by admin79
November 8, 2025
in Uncategorized
0
G0811024 อย่าลืมบุญคุณคนที่ช่วยเราไว้ ! part2

เฟอร์รารี่ F80: เมื่อตำนานนักแข่งถือกำเนิดใหม่บนท้องถนนปี 2025

ปี 2025 นี้ วงการซูเปอร์คาร์ยังคงคึกคักและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่น่าทึ่ง แต่หากจะมีรถยนต์คันใดที่โดดเด่นและสร้างปรากฏการณ์ใหม่ได้เทียบเท่ากับการพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ เฟอร์รารี่ F80 คือคำตอบที่ชัดเจนและทรงพลังที่สุด ชื่อของ F80 ไม่ได้เป็นเพียงการสืบทอดลำดับตัวเลขเท่านั้น แต่เป็นการประกาศก้องถึงยุคใหม่ของสมรรถนะ ความล้ำสมัย และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือน ด้วยพละกำลังรวมมหาศาลถึง 1,200 แรงม้า จากขุมพลัง V6-Hybrid ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4WD และช่วงล่างที่ถอดแบบมาจากรถแข่ง Formula 1 ทำให้ F80 กลายเป็น Road Car ที่ทรงพลังและก้าวหน้าที่สุดเท่าที่โรงงานมาราเนลโลเคยสร้างมา มันคือสุดยอดแห่งวิศวกรรมยานยนต์และดีไซน์ที่ผสานรวมกันอย่างลงตัว เป็นทั้งรถยนต์ในฝันของนักสะสมและเครื่องจักรแห่งความเร็วที่แท้จริง

มรดกแห่งความเร็ว: F80 กับเส้นทางสายตำนานของ Ferrari

ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา Ferrari ได้นำเสนอสุดยอดซูเปอร์คาร์ออกสู่สายตาโลกอย่างต่อเนื่อง สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ล้ำหน้าและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์เสมอมา ตั้งแต่ GTO ในปี 1984 ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่งดงามและเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่สุดในยุคนั้น มาจนถึง F40 ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของความดิบดุดันและความบริสุทธิ์ในการขับขี่ หรือแม้แต่ LaFerrari Aperta ในปี 2016 ที่นำเสนอเทคโนโลยีไฮบริดเข้าสู่โลกของไฮเปอร์คาร์อย่างเต็มตัว รถยนต์เหล่านี้ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่คือเรื่องเล่าแห่งความหลงใหล ความเร็ว และวิศวกรรมที่ไร้ขีดจำกัด และในวันนี้ เฟอร์รารี่ F80 ก็พร้อมที่จะจารึกชื่อของตัวเองลงในหน้าประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้ ในฐานะสมาชิกใหม่ล่าสุดที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชันล่าสุด เพื่อรีดเค้นสมรรถนะทั้งแรงม้า แรงบิด โครงสร้างแชสซีส์คาร์บอนไฟเบอร์ อากาศพลศาสตร์ที่เหนือชั้น และช่วงล่างแบบแอคทีฟที่ไม่เคยมีมาก่อนใน Road Car ของ Ferrari

การมาของ F80 เป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองอีกครั้ง เมื่ออ้างอิงจากแหล่งพลังงานที่ได้รับมาจากรุ่นพี่อย่าง GTO และ F40 ที่ยังคงใช้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบ ซึ่งเป็นขุมพลังยอดนิยมในรถแข่งฟอร์มูลาวันยุค 1980 แต่ในปัจจุบัน โลกของการแข่งขันได้พัฒนาไปไกล รถแข่งฟอร์มูลาวันและ World Endurance Championship (WEC) ต่างหันมาใช้เครื่องยนต์ V6 เทอร์โบที่ทำงานร่วมกับระบบไฮบริดแบบ 800 โวลต์ ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้ในรถแข่ง 499P ที่สร้างชื่อด้วยการคว้าชัยชนะในรายการ 24 Hours of Le Mans ถึง 2 ครั้งติดต่อกัน การถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ Road Car อย่าง F80 จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Ferrari ในการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดและล้ำหน้าที่สุดให้กับลูกค้าเสมอมา นวัตกรรมยานยนต์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ความหรูหรา แต่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ F80 กลายเป็นซูเปอร์คาร์แห่งอนาคตที่จับต้องได้ในวันนี้

งานศิลป์แห่งอากาศพลศาสตร์: การออกแบบภายนอกของ F80

ภายใต้การนำของ Flavio Manzoni หัวหน้าทีม Ferrari Styling Centre การออกแบบภายนอกของ F80 คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดีไซน์อันเป็นตำนานของ Ferrari เข้ากับวิสัยทัศน์แห่งอนาคตที่เร้าใจ แรงบันดาลใจหลักมาจากรถแข่งฟอร์มูลาวันของ Ferrari โดยมุ่งเน้นที่สุนทรียศาสตร์ของความเร็วและอากาศพลศาสตร์เป็นอันดับแรก แม้ F80 จะเป็นรถยนต์แบบ 2 ที่นั่ง แต่กลับมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหมือนกับรถแข่งที่นั่งเดี่ยวได้อย่างเต็มพิกัด ทุกส่วนโค้งเว้าและทุกองค์ประกอบของตัวรถถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะสูงสุด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของรถยนต์สมรรถนะสูงของ Ferrari

รายละเอียดที่โดดเด่นสะดุดตาคือไฟหน้าที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้แผ่นบังสีดำที่ทำหน้าที่เป็นทั้งช่องอากาศและไฟส่องสว่างไปพร้อมกัน มอบรูปโฉมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเพิ่มความดุดันให้กับด้านหน้า ส่วนท้ายของรถที่สั้นกะทัดรัดนั้นซ่อนไว้ซึ่งความลับที่น่าทึ่ง ด้วยปีกหลังที่สามารถเก็บซ่อนและยกตัวขึ้นได้ตามความต้องการในการใช้งาน ทำให้ F80 มีบุคลิกที่แตกต่างกันสองแบบ เมื่อสปอยเลอร์หลังยกตัวขึ้น รถจะดูทรงพลังและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ไฟท้ายติดตั้งอยู่ในโครงสร้างแบบสองชั้น ประกอบด้วยแผงไฟท้ายและสปอยเลอร์ สร้างเอฟเฟกต์แบบประกบที่ทำให้มุมมองด้านท้ายดูโฉบเฉี่ยวอย่างมีมิติ ไม่ว่าปีกหลังจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม

องค์ประกอบที่สำคัญไม่แพ้กันคือช่องแบบ NACA ที่ส่งกระแสลมไปยังช่องรับอากาศของเครื่องยนต์และหม้อน้ำด้านข้าง ซึ่งไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่น แต่ยังเป็นฟังก์ชันที่สำคัญในการจัดการอุณหภูมิและอากาศพลศาสตร์ของรถยนต์ นี่ยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ด้านการออกแบบที่แปลกใหม่ที่สุดของด้านข้างอีกด้วย นอกจากนี้ ครีบระบายอากาศที่ส่วนหลังของห้องเครื่อง ซึ่งมีช่องทั้งหมด 6 ช่อง สำหรับแต่ละกระบอกสูบของเครื่องยนต์สันดาปภายใน ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดระหว่างเส้นสายรูปทรงเรขาคณิตและพื้นผิวเชิงประติมากรรมของตัวถังรถยนต์ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งด้านความสวยงามและการใช้งานจริงในการออกแบบยานยนต์

ห้องโดยสารที่เน้นผู้ขับ: วิศวกรรมภายในของ F80

ก้าวเข้าสู่ภายในห้องโดยสารของ Ferrari F80 คุณจะสัมผัสได้ถึงปรัชญาการออกแบบที่ชัดเจน นั่นคือการมุ่งเน้นที่ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ค็อกพิตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งแบบที่นั่งเดี่ยว แม้จะมีหลังคาปิด แต่ก็ยังคงความรู้สึกของการควบคุมที่แม่นยำและตอบสนองได้ทันท่วงที รูปแบบของค็อกพิตโอบล้อมเข้าหาแผงควบคุมและมาตรวัด โดยจัดวางทุกสิ่งให้อยู่ในแนวเดียวกับผู้ขับขี่ตามหลักสรีรศาสตร์อย่างสมบูรณ์แบบ

สิ่งที่น่าสนใจคือตำแหน่งเบาะของผู้โดยสารทั้ง 2 คน ถูกปรับให้เยื้องกันในแนวยาว ทำให้เบาะผู้โดยสารสามารถถอยหลังได้มากกว่าเบาะผู้ขับ ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่กะทัดรัดแต่ยังคงความสะดวกสบายและไม่กระทบต่อหลักสรีรศาสตร์ วิธีนี้ช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้างห้องโดยสารที่เหมาะสมและลดหน้าตัดด้านหน้าของรถลงได้อีกด้วย ซึ่งมีผลดีต่ออากาศพลศาสตร์โดยรวมของรถ

F80 ยังมาพร้อมพวงมาลัยแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ และคาดว่าจะถูกนำไปใช้ใน Road Car รุ่นอื่นๆ ของ Ferrari ในอนาคต วงพวงมาลัยมีขนาดเล็กกว่ารุ่นอื่นเล็กน้อย พร้อมส่วนบนและล่างที่ตัดตรง ช่วยให้ผู้ขับมองเห็นมาตรวัดได้อย่างชัดเจนและเน้นความรู้สึกสปอร์ตเมื่อขับขี่ ด้านข้างของพวงมาลัยได้รับการปรับให้จับได้แน่นขึ้น ไม่ว่าคุณจะสวมถุงมือหรือไม่ก็ตาม ปุ่มควบคุมบนก้านพวงมาลัยด้านขวาและซ้ายถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง แทนที่เลย์เอาต์แบบดิจิทัลระบบสัมผัสทั้งหมดที่ Ferrari ใช้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การตัดสินใจนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจของ Ferrari ว่าในสถานการณ์การขับขี่สมรรถนะสูง ปุ่มกดแบบดั้งเดิมนั้นใช้งานง่ายกว่าและสามารถระบุฟังก์ชันได้ทันทีด้วยการสัมผัส ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

หัวใจนักสู้: ขุมพลัง V6-Hybrid 3.0 ลิตร ของ F80

หัวใจหลักที่ขับเคลื่อน Ferrari F80 คือเครื่องยนต์สันดาป V6 ขนาด 3.0 ลิตร รหัส F163CF ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกทางวิศวกรรมยานยนต์ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 900 แรงม้า ด้วยอัตราส่วนแรงม้าต่อลิตรที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของ Ferrari (300 แรงม้า/ลิตร) นี่คือเครื่องยนต์ที่ถอดแบบโครงสร้างและองค์ประกอบหลากหลายจากรถแข่ง 499P ที่คว้าชัยใน Le Mans อาทิ เสื้อสูบ เลย์เอาท์ ชุดโซ่ส่งกำลังของระบบไทมิ่ง วงจรทางเดินน้ำมันเครื่อง ประกับข้อเหวี่ยง หัวฉีด และปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงของระบบไดเร็คท์อินเจคชั่น ทั้งยังยกระดับระบบวาล์วแปรผันให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สิ่งที่น่าทึ่งคือ F80 เป็น Road Car คันแรกที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีระบบควบคุมการชิงจุดระเบิดแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งสามารถให้เครื่องยนต์ทำงานได้แม้จะเข้าใกล้ขีดจำกัดสูงสุดของการชิงจุดระเบิด ส่งผลให้สามารถใช้กำลังอัดในห้องเผาไหม้ได้สูงกว่าเดิมถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่น 296 GTB ซึ่งเป็นการปลดปล่อยศักยภาพของเครื่องยนต์ได้อย่างสูงสุด และเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุสมรรถนะที่ไม่เคยมีมาก่อนในกลุ่มซูเปอร์คาร์

นอกจากเครื่องยนต์ V6 อันทรงพลังแล้ว F80 ยังผนวกเทคโนโลยีไฮบริดจาก Formula 1 เข้ามาอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งระบบ MGU-K (Motor Generator Unit – Kinetic) ที่พัฒนาเพิ่มเติมจากโรงงานเดียวกับที่สร้างมอเตอร์ไฟฟ้าในรถแข่ง F1 ของ Ferrari และระบบ MGU-Hs (Motor Generator Unit – Heat) ที่สร้างกำลังจากพลังงานจลน์ที่ได้จากการหมุนของเทอร์ไบน์ซึ่งเกิดจากพลังงานความร้อนของก๊าซไอเสีย ร่วมด้วยชุดเทอร์โบไฟฟ้า (e-turbo) ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำหนดจังหวะการทำงานของ e-turbo ช่วยปรับอากาศเข้าได้อย่างลงตัวที่สุด ทำให้ไม่มีอาการ Turbo Lag ที่รอบต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปของเครื่องยนต์เทอร์โบ ส่งผลให้การตอบสนองของเครื่องยนต์รวดเร็วทันใจยิ่งขึ้นในทุกรอบความเร็ว

เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงของรถให้ต่ำที่สุดและเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม เครื่องยนต์ถูกติดตั้งให้ใกล้กับใต้ท้องรถมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อยกชุดเกียร์ขึ้นไม่ให้กระทบต่อประสิทธิภาพของชุดอากาศพลศาสตร์ใต้ท้องรถ นอกจากนี้ยังติดตั้งสปริง 2 ชุด ช่วยลดความแข็งของระบบโดยรวมและกรองแรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากระบบส่งกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แดมเปอร์กันสะบัดถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเครื่องยนต์นี้ เพื่อลดความสั่นสะเทือนจากการบิดตัวของระบบขับเคลื่อนและรองรับโหลดที่สูงขึ้นจากพละกำลังมหาศาล

มอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ใน F80 ทั้ง 2 ชุดที่ล้อหน้าและ 1 ชุดที่ด้านหลัง ได้รับการพัฒนา ทดสอบ และผลิตขึ้นโดยโรงงาน Ferrari ในมาราเนลโล โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการเพิ่มสมรรถนะและลดน้ำหนักลง การออกแบบของมอเตอร์เหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ตรงของ Ferrari ในสนามแข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสเตเตอร์และโรเตอร์ในแม่เหล็ก Halbach ซึ่งใช้รูปแบบการจัดวางแม่เหล็กที่เฉพาะเจาะจงเพื่อสร้างสนามแม่เหล็กที่แรงขึ้น รวมถึงปลอกแม่เหล็กทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับที่ใช้ในการออกแบบชุด MGU-K ของรถแข่งฟอร์มูลาวัน มอเตอร์ไฟฟ้าเหล่านี้ช่วยเพิ่มพละกำลังได้อีก 300 แรงม้า เมื่อรวมกับ 900 แรงม้าจากเครื่องยนต์สันดาป ทำให้ Ferrari F80 มีพละกำลังรวมสูงสุดถึง 1,200 แรงม้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งและบ่งบอกถึงความสามารถที่แท้จริงของซูเปอร์คาร์ไฮบริดคันนี้

สมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น

ตัวเลขทางเทคนิคของ Ferrari F80 ยืนยันถึงสถานะการเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก เครื่องยนต์ V6 Dry Sump ทำมุม 120 องศา ขนาด 2,992 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 900 แรงม้า ที่ 8,750 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 5,550 รอบ/นาที พร้อมรอบเครื่องยนต์สูงสุดที่ 9,000 รอบ/นาที (จำกัดการทำงานสูงสุดที่ 9,200 รอบ/นาที) ระบบขับเคลื่อนไฮบริดร่วมกับเกียร์คลัตช์คู่ F1 DCT 8 จังหวะ ช่วยให้ F80 สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 2.15 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 5.75 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดที่ 350 กม./ชม. ซึ่งเป็นสมรรถนะที่น่าทึ่งสำหรับ Road Car

มอเตอร์ไฟฟ้าชุดหลัง (MGU-K) ให้แรงดันไฟฟ้า 650 – 860 โวลต์ มีพลังงานสูงสุดในการกู้คืนขณะเบรก 70 กิโลวัตต์ (95 แรงม้า) และทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ที่ 60 กิโลวัตต์ (81 แรงม้า) ด้วยแรงบิดสูงสุด 45 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าชุดหน้าแต่ละตัว (มี 2 ตัว) ให้พลังงานสูงสุด 105 กิโลวัตต์ (142 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ทำให้ F80 มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ทรงประสิทธิภาพ แบตเตอรี่แรงดันสูงมีพลังงานไฟฟ้า 2.28 กิโลวัตต์ชั่วโมง และให้พลังไฟฟ้าสูงถึง 6.16 กิโลวัตต์/กก. ซึ่งบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานที่ยอดเยี่ยม

ในด้านมิติและน้ำหนัก F80 มีความยาว 4,840 มม. ความกว้าง 2,060 มม. และความสูงเพียง 1,138 มม. ด้วยน้ำหนักรถเปล่าที่ 1,525 กก. ทำให้อัตราส่วนน้ำหนักรถเปล่าต่อน้ำหนัก 1.27 กก./แรงม้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมและยืนยันถึงความเบาและประสิทธิภาพของรถ ยางหน้าขนาด 285/30 R20 และยางหลัง 345/30 R21 ช่วยให้การยึดเกาะถนนเป็นไปอย่างมั่นคงในทุกสภาพการขับขี่

ความพิเศษและความหายาก: F80 ในตลาดโลกและไทย

Ferrari F80 ถูกผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 799 คันทั่วโลก เพื่อรักษาความพิเศษและความเป็นเอกลักษณ์ของซูเปอร์คาร์ระดับตำนาน และที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ในจำนวนนี้มีเพียง 4 คันเท่านั้นที่ถูกจัดสรรมายังประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้ถูกจับจองจน Sold Out เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่สูงลิ่วและความนิยมในแบรนด์ Ferrari ที่ยังคงแข็งแกร่งในตลาดซูเปอร์คาร์ไทย การเป็นเจ้าของ F80 จึงไม่ใช่แค่การได้ครอบครองรถยนต์ แต่เป็นการได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และวงการยานยนต์สมรรถนะสูงระดับโลก

F80 จึงไม่ใช่แค่การออกแบบที่เร้าอารมณ์หรือวิศวกรรมที่ล้ำสมัย แต่มันคือปฐมบทแห่งดีไซน์ยุคใหม่ของ Ferrari ด้วยภาษาการออกแบบที่สะท้อนจิตวิญญาณของนักแข่งได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น จากการนำดีไซน์จากยานอวกาศมาใช้เพื่อเน้นย้ำเทคโนโลยีไฮเทคและเทคนิคทางวิศวกรรมอันล้ำหน้า ขณะเดียวกันก็ยังคงสืบทอด DNA ของตำนานไว้ในสายเลือดเช่นเดิม นี่คือการก้าวข้ามขีดจำกัดครั้งสำคัญของ Ferrari ที่ยืนยันว่าอนาคตของซูเปอร์คาร์ได้มาถึงแล้ว และมันอยู่ในรูปทรงของ Ferrari F80 คันนี้เอง

Previous Post

G0811004 ปล่อยให้แฟนรอในร้านกาแฟ 4 ชั่วโมง ! part2

Next Post

G0811030 จุดจบของคนชอบซ่อนเงินเมีย!!! part2

Next Post
G0811030 จุดจบของคนชอบซ่อนเงินเมีย!!! part2

G0811030 จุดจบของคนชอบซ่อนเงินเมีย!!! part2

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • G1110020 เมีย ไม่ได้มีไว้ให้ผัวดูถูก part2
  • G1110019 อย่าดูถูกความพยายามของคนจน part2
  • G1110018 ความจริง เป็นสิ่งไม่ตาย part2
  • G1110017 ไม่สำนึกบุญคุณไม่ว่า แต่อย่ามาเลวใส่ part2
  • G1110016 มีลูกเก่ง ไม่ได้หมายความว่า…มีลูกดี part2

Recent Comments

  1. Cheap Backlinks on G2409007 มีผัวหูเบา มันน่าเศร้าใจ part2
  2. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • November 2025
  • October 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.