Chery Tiggo 9 PHEV: ยกระดับประสบการณ์ SUV หรูหราแห่งอนาคต สู่ตลาดไทยปี 2026
ในโลกยานยนต์ปี 2025 ที่เทคโนโลยีก้าวล้ำและผู้บริโภคมองหาความลงตัวระหว่างสมรรถนะที่เร้าใจ ความหรูหราเหนือระดับ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม Chery ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดตัว Chery Tiggo 9 PHEV ซึ่งเป็นเรือธงรุ่นล่าสุดที่พร้อมจะสร้างนิยามใหม่ให้กับกลุ่มรถยนต์ SUV หรูหราในตลาดโลก และแน่นอนว่าสำหรับตลาดเมืองไทย เรากำลังจะได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่และนวัตกรรมนี้อย่างเป็นทางการภายในช่วงปลายปี 2026
Chery Tiggo 9 PHEV ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์รุ่นใหม่ แต่เป็นการประกาศศักดาครั้งสำคัญของ Chery ในการก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ ด้วยการนำเสนอรถยนต์ที่ผสานการออกแบบอันประณีต เทคโนโลยีค็อกพิตอัจฉริยะ ขุมพลัง Plug-in Hybrid (PHEV) ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงระบบช่วงล่างระดับพรีเมียมที่ปกติจะพบได้ในรถยนต์ยุโรปหรูหราเท่านั้น บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกรายละเอียดของ Chery Tiggo 9 PHEV เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใด SUV คันนี้จึงเป็นมากกว่าแค่รถยนต์ แต่คือประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตที่รอเราอยู่
ดีไซน์ภายนอก: ความหรูหราที่สะกดทุกสายตา พร้อมเส้นสายแห่งความแข็งแกร่ง
จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ที่คร่ำหวอดในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมยืนยันได้เลยว่าการออกแบบของ Chery Tiggo 9 PHEV นั้นถูกคิดค้นมาอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ตัวรถสะท้อนถึงปรัชญา “Art in Motion” ของ Chery ที่เน้นความสง่างาม ผสมผสานกับความดุดันและทันสมัยได้อย่างลงตัว
ด้านหน้าของ Tiggo 9 PHEV โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบ Waterfall Design หรือที่เรียกว่า “ดีไซน์น้ำตก” ซึ่งประดับด้วยโครเมียมอย่างประณีต มอบความรู้สึกหรูหราและมีระดับ ไฟหน้า LED เพรียวบางถูกออกแบบให้กลมกลืนกับเส้นสายของตัวรถ พร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ แถบไฟ DRL (Daytime Running Light) ที่เฉียบคมช่วยเสริมลุคสปอร์ต และช่องรับลมดีไซน์ใหม่ที่ไม่ได้มีเพียงเพื่อความสวยงาม แต่ยังช่วยในเรื่องอากาศพลศาสตร์ ทำให้ด้านหน้าของรถดูโอ่อ่าและทรงพลังอย่างยิ่ง
เมื่อมองจากด้านข้าง Chery Tiggo 9 PHEV แสดงให้เห็นถึงความยาวและความเพรียวบาง ด้วยการออกแบบหลังคาแบบลอยตัว (Floating Roof) ที่เป็นที่นิยมในรถยนต์พรีเมียม เส้นสายไหล่รถถูกยกสูงขึ้นเล็กน้อย เสริมความแข็งแกร่งและสง่างาม มือจับประตูแบบซ่อน (Flush Door Handles) ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความลื่นไหลของตัวถังเพื่อลดแรงต้านลม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษขนาดใหญ่ที่อาจมีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ 19-20 นิ้ว ช่วยเติมเต็มรูปลักษณ์ให้ดูสมบูรณ์แบบและมั่นคงบนท้องถนน
ส่วนท้ายของรถไม่ได้ด้อยไปกว่าส่วนหน้า ด้วยชุดไฟท้าย LED แบบลากยาวเต็มความกว้างของตัวรถ (Full-width LED Taillight) ซึ่งไม่เพียงเพิ่มความโดดเด่นในเวลากลางคืน แต่ยังเป็นเอกลักษณ์ที่จดจำง่าย ท่อไอเสียคู่แบบซ่อนหรือแบบโครเมียมที่ถูกออกแบบมาอย่างลงตัว ช่วยเสริมลุคสปอร์ตและความแข็งแกร่งให้กับ Tiggo 9 PHEV ได้เป็นอย่างดี
ในด้านมิติตัวถัง Chery Tiggo 9 PHEV คือ SUV ที่ใหญ่ที่สุดในตระกูล Tiggo ในปัจจุบัน ด้วยความยาวตัวถังที่ 4,820 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อที่ 2,820 มิลลิเมตร ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ซึ่งใหญ่กว่า Tiggo 8 อย่างชัดเจน โดยในตลาดต่างประเทศมีให้เลือกทั้งแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง แต่สำหรับตลาดประเทศไทยนั้น ได้รับการยืนยันแล้วว่า Chery Tiggo 9 PHEV จะมาพร้อมกับเบาะนั่งแบบ 7 ที่นั่งเท่านั้น ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวขนาดใหญ่ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ระดับพรีเมียมได้อย่างลงตัว
ห้องโดยสารแห่งอนาคตที่ผสานความประณีตและนวัตกรรม
ก้าวเข้าสู่ภายในของ Chery Tiggo 9 PHEV คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความหรูหราและความล้ำสมัยที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน การเลือกใช้โทนสีภายในแบบทูโทน เช่น สีน้ำตาล-ขาว ผสมผสานกับการตกแต่งด้วยลายไม้คุณภาพสูง และการเดินด้ายสีทองตามจุดต่างๆ อย่างประณีต สร้างความรู้สึกอบอุ่น แต่ยังคงความพรีเมียมและมีเอกลักษณ์ การเลือกใช้วัสดุระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้หรือวัสดุสังเคราะห์เกรดสูง ทำให้ทุกสัมผัสภายในห้องโดยสารเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและหรูหรา
ไฮไลท์สำคัญของห้องโดยสารคือหน้าจอคู่ดีไซน์โค้งขนาดใหญ่ ที่ผสานหน้าจอมาตรวัดดิจิทัลและหน้าจออินโฟเทนเมนต์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว หน้าจอนี้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 ซึ่งเป็นชิประดับท็อปสำหรับระบบยานยนต์ ทำให้การประมวลผลต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว ลื่นไหล และรองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นการนำทางแบบเรียลไทม์ การสตรีมมิ่งความบันเทิง หรือการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-The-Air (OTA) ทำให้รถของคุณทันสมัยอยู่เสมอ
การออกแบบคอนโซลกลางเน้นความเรียบง่ายด้วยจำนวนปุ่มควบคุมที่น้อยชิ้น โดยส่วนใหญ่จะควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสและปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนพวงมาลัยและหัวเกียร์ ซึ่งไม่เพียงทำให้ห้องโดยสารดูทันสมัย แต่ยังช่วยลดความยุ่งเหยิงและเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ช่องแอร์ดีไซน์ทรงกลมที่มีมากถึง 27 ช่อง กระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วทั่วทั้งห้องโดยสาร ทำให้ผู้โดยสารทุกคนสัมผัสถึงความสบายสูงสุด
ระบบความบันเทิงภายใน Chery Tiggo 9 PHEV จัดมาให้เต็มพิกัด ด้วยระบบเสียงรอบทิศทางระดับพรีเมียมจาก SONY พร้อมลำโพง 14 ตำแหน่ง ที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดและมีมิติ สร้างสรรค์ประสบการณ์การฟังเพลงในระดับเดียวกับคอนเสิร์ตฮอลล์ นอกจากนี้ ไฟ Ambient Light ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ถึง 255 สี ยังช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้เข้ากับอารมณ์และสไตล์การขับขี่ในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เบาะนั่งภายในห้องโดยสารออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์พร้อมฟังก์ชันการปรับไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และระบบนวด เพื่อความผ่อนคลายสูงสุดในการเดินทางไกล นี่คือห้องโดยสารที่ถูกสร้างมาเพื่อเป็น “พื้นที่ส่วนตัว” ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับการเดินทางได้อย่างแท้จริง
ขุมพลัง PHEV สุดล้ำ: สมรรถนะเหนือชั้น พร้อมประสิทธิภาพที่ยั่งยืน
Chery Tiggo 9 PHEV ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในยุคปัจจุบันที่มองหารถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงควบคู่ไปกับการประหยัดพลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม ในตลาดประเทศจีนมีให้เลือกทั้งรุ่นเบนซินเทอร์โบและปลั๊กอินไฮบริด แต่สำหรับตลาดประเทศไทยนั้น Chery เลือกที่จะนำเสนอเฉพาะรุ่นปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV เท่านั้น ซึ่งถือเป็นการเน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ของ Chery ในการขับเคลื่อนสู่อนาคตแห่งยานยนต์ไฟฟ้า
หัวใจหลักของ Chery Tiggo 9 PHEV คือขุมพลัง Kunpeng Super Intelligent Hybrid (PHEV) ซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขนาดใหญ่ ระบบนี้ให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 619 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 920 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ SUV และทำให้ Tiggo 9 PHEV สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.5 วินาที เทียบเท่ากับรถสปอร์ตสมรรถนะสูง
แบตเตอรี่ขนาด 19.43 kWh. เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Tiggo 9 PHEV สามารถวิ่งได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเป็นระยะทางที่น่าพอใจ และเมื่อทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ จะสามารถเดินทางได้ไกลสูงสุดประมาณ 1,200 กิโลเมตรต่อการเติมเชื้อเพลิงและชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้ง (จากการทดสอบขับจริง ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขเคลมที่ 1,300 กิโลเมตร) ซึ่งช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางในการเดินทางไกล (Range Anxiety) ได้เป็นอย่างดี
นอกจากสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมแล้ว Chery Tiggo 9 PHEV ยังรองรับการชาร์จเร็ว (Fast Charge) โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 30% ไปยัง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 18 นาที ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างมาก ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (Intelligent All-Wheel Drive) ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ Aisin 8 สปีด ช่วยให้การส่งกำลังเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ มอบการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือการผจญภัยนอกเส้นทางเล็กน้อย
สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องอัตราสิ้นเปลือง Chery Tiggo 9 PHEV คือคำตอบที่น่าสนใจ ด้วยความสามารถในการขับขี่ด้วยไฟฟ้าเป็นหลักในระยะทางสั้นๆ และการทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดของระบบไฮบริด ทำให้รถคันนี้เป็นหนึ่งในรถยนต์ประหยัดพลังงานในกลุ่ม SUV ขนาดใหญ่ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านสมรรถนะและความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว
ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ CDC: นิยามใหม่ของความนุ่มนวลและการควบคุม
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ทำให้ Chery Tiggo 9 PHEV โดดเด่นเหนือคู่แข่งคือการติดตั้งระบบช่วงล่างแบบ CDC (Continuous Damping Control) หรือระบบควบคุมแรงกระแทกแบบต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่มักพบในรถยนต์พรีเมียมยุโรปเท่านั้น ระบบนี้ทำงานโดยการปรับความแข็ง-อ่อนของโช้คอัพแบบ Real-time ได้สูงถึง 1,000 ครั้งต่อวินาที ทำให้รถสามารถปรับสภาพช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพถนนและความเร็วในการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและต่อเนื่อง
Chery เคลมว่าระบบ CDC นี้สามารถเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ได้ถึง 74.8% ลดอาการโคลงของตัวรถลงกว่า 50% และเพิ่มความเงียบภายในห้องโดยสาร รวมถึงการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้นกว่า 30% จากประสบการณ์ตรงในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่าผลลัพธ์ที่ได้คือความรู้สึก “นุ่มเหมือนพรม แต่หนึบสั่งได้” อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนถนนขรุขระ การเข้าโค้งด้วยความเร็ว หรือการเดินทางบนทางหลวงยาวๆ Tiggo 9 PHEV ก็สามารถมอบความสบายและความมั่นคงได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้การขับขี่สบายยิ่งขึ้นสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
เทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่: มั่นใจในทุกเส้นทาง
ในปี 2025 เทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS – Advanced Driver-Assistance Systems) ถือเป็นมาตรฐานสำคัญสำหรับรถยนต์ระดับพรีเมียม Chery Tiggo 9 PHEV ไม่ได้มองข้ามจุดนี้ โดยมาพร้อมกับชุดเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน เพื่อความมั่นใจสูงสุดในทุกการเดินทาง
ระบบ ADAS ที่คาดว่าจะติดตั้งมาใน Tiggo 9 PHEV รวมถึง:
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (Adaptive Cruise Control – ACC): ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและปรับความเร็วอัตโนมัติ
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist – LKA): ช่วยให้รถอยู่ในเลนอย่างปลอดภัย
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning – FCW) พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking – AEB): ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบตรวจสอบจุดอับสายตา (Blind Spot Monitoring – BSM): แจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา
กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา: ช่วยให้การจอดรถและการเคลื่อนที่ในที่แคบเป็นเรื่องง่าย
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Automatic Parking Assist): เพิ่มความสะดวกสบายในการจอดรถ
ระบบเตือนการจราจรด้านท้าย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA): แจ้งเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอย
ถุงลมนิรภัยรอบคัน: เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารทุกคนในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังของ Chery Tiggo 9 PHEV ยังถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ด้วยการใช้วัสดุเหล็กความแข็งแรงสูงในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อดูดซับแรงกระแทกและปกป้องห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือรถยนต์ที่คิดถึงความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรักในทุกมิติ
Chery Tiggo 9 PHEV ในบริบทตลาดไทย 2025/2026: ผู้ท้าชิงที่น่าจับตา
การมาถึงของ Chery Tiggo 9 PHEV ในช่วงปลายปี 2026 ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนของ Chery ว่าพวกเขามีความตั้งใจจริงที่จะเข้ามาแข่งขันในตลาดรถยนต์ SUV ระดับพรีเมียมในประเทศไทยอย่างเต็มตัว ในปี 2025 ตลาดรถยนต์ไทยมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าและ Plug-in Hybrid ซึ่งผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น Chery Tiggo 9 PHEV จะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ยุโรประดับเริ่มต้น หรือ SUV Plug-in Hybrid จากค่ายจีนอื่นๆ ที่เข้ามาทำตลาดก่อนหน้านี้ รวมถึง SUV ขนาดใหญ่จากญี่ปุ่นที่ครองตลาดมานาน
อย่างไรก็ตาม ด้วยจุดเด่นด้านขนาดตัวถังที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม Tiggo ห้องโดยสาร 7 ที่นั่งที่กว้างขวาง เทคโนโลยีค็อกพิตอัจฉริยะที่ใช้ชิประดับท็อป ขุมพลัง PHEV ที่ให้สมรรถนะเร้าใจ พร้อมระบบช่วงล่าง CDC ที่มอบความสบายเหนือระดับ ทำให้ Chery Tiggo 9 PHEV มีศักยภาพที่จะสร้างความแตกต่างและดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคที่มองหา “ความคุ้มค่าระดับพรีเมียม” ได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ Chery จะต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งในตลาดไทยคือ “บริการหลังการขาย” และ “ความพร้อมของศูนย์บริการ” รวมถึง “ความมั่นใจในการเข้าถึงอะไหล่” สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคชาวไทยใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อรถยนต์จากแบรนด์ใหม่ Chery ได้เริ่มสร้างเครือข่ายศูนย์บริการในประเทศไทยแล้ว แต่การขยายและยกระดับมาตรฐานบริการให้ครอบคลุมและน่าเชื่อถือจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว
ในส่วนของราคา Chery Tiggo 9 PHEV คาดว่าจะถูกวางตำแหน่งให้แข่งขันในกลุ่มราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ารถยุโรปในเซกเมนต์เดียวกัน แต่ยังคงให้ประสบการณ์ที่หรูหราและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่า SUV ญี่ปุ่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน นี่คือกลยุทธ์ที่ Chery ใช้ในการนำเสนอ “คุณค่าที่เหนือกว่าราคา” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญ
สรุป: ก้าวสำคัญของ Chery สู่ยุคใหม่ของยานยนต์
Chery Tiggo 9 PHEV ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นภาพสะท้อนของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิสัยทัศน์ของ Chery ในการสร้างสรรค์ยานยนต์แห่งอนาคต ด้วยการออกแบบที่สง่างาม ภายในที่ล้ำสมัย ขุมพลัง Plug-in Hybrid ที่ทรงพลัง และระบบช่วงล่างอัจฉริยะ ทำให้ Tiggo 9 PHEV พร้อมที่จะพลิกโฉมประสบการณ์การขับขี่ในกลุ่ม SUV หรูหรา
การมาถึงของ Chery Tiggo 9 PHEV ในตลาดประเทศไทยช่วงปลายปี 2026 จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค แต่เป็นการประกาศศักดาครั้งสำคัญของแบรนด์จากจีนที่พร้อมจะแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี เป็นการยืนยันว่ารถยนต์จากจีนในปัจจุบันไม่ได้มีดีแค่ราคา แต่มาพร้อมกับเทคโนโลยี สมรรถนะ และความพรีเมียมที่พร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับ การรอคอย SUV เรือธงคันนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและคุ้มค่าสำหรับผู้ที่มองหายานยนต์ที่ผสมผสานความหรูหรา ความแรง และนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ชีวิตในแบบฉบับปี 2025 และอนาคตอย่างแท้จริง

