BMW i7: นิยามบทใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าซีดานหรูแห่งปี 2025
ในยุคที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ศักราชแห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ปี 2025 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผู้บริโภคไม่ได้มองหารถยนต์เพียงแค่พาหนะ แต่คือการลงทุนในอนาคต คือสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นต่อสิ่งแวดล้อม และคือการโอบรับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่เข้ามาพลิกโฉมประสบการณ์การเดินทางทั้งหมด BMW ในฐานะผู้นำในตลาดรถยนต์พรีเมียม ได้นำเสนอนิยามบทใหม่แห่งความหรูหราและการขับเคลื่อนที่ยั่งยืนผ่าน BMW i7 ใหม่ ซีดานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ที่ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ แต่คือผลงานชิ้นเอกที่หลอมรวมนวัตกรรม ความประณีต และประสิทธิภาพเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมกล้ายืนยันว่า BMW i7 คือการประกาศก้องถึงปรัชญา “FORWARDISM” ของ BMW อย่างแท้จริง การเปิดตัว BMW i7 ในประเทศไทยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ แต่คือการเปิดประตูสู่โลกแห่งสุนทรียภาพในการขับขี่ที่เหนือระดับ พร้อมตอบสนองความท้าทายและความต้องการของโลกยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว ถือเป็นหนึ่งใน รถยนต์ไฟฟ้า BMW ที่ถูกจับตามองมากที่สุด และเป็น ซีดานไฟฟ้าหรู ที่ redefine ความหมายของคำว่าพรีเมียมอย่างแท้จริงในตลาด ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 2025
การมาถึงของยานยนต์แห่งอนาคต: วิสัยทัศน์แห่งปี 2025
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 มีการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ผู้บริโภคมีความรู้และคาดหวังที่สูงกว่าเดิม BMW i7 จึงถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้อย่างเหนือชั้น มันคือการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันทรงพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับความสะดวกสบายและความหรูหราในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ด้วยทางเลือกถึง 3 รุ่นย่อย ได้แก่ BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition), BMW i7 xDrive60 M Sport และ BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BMW ในการมอบ “พลังแห่งทางเลือก” ให้แก่ลูกค้าผู้ทรงคุณค่า เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของ ยานยนต์แห่งอนาคต ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมบูรณ์
สุนทรียภาพแห่งดีไซน์: รูปลักษณ์ภายนอกที่สะกดทุกสายตา
การออกแบบภายนอกของ BMW i7 ใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่าง DNA ความเป็น BMW อันเป็นเอกลักษณ์เข้ากับวิวัฒนาการใหม่ของความสง่างามและความล้ำสมัย ตั้งแต่แรกเห็น ทุกสายตาจะต้องสะกดหยุดอยู่กับไฟหน้า Adaptive LED ดีไซน์ทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ ที่มาพร้อมกับระบบปรับองศาเมื่อเข้าโค้ง เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่ ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ แต่คือองค์ประกอบสำคัญที่ได้รับการยกระดับด้วยกรอบเรืองแสง “Iconic Glow” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น i7
หัวใจหลักของความประณีตแห่งแสงคือชุดไฟหน้าคริสตัลสวารอฟสกี้ “Iconic Glow” ที่บรรจงรังสรรค์ขึ้นจากหลอด LED 22 ดวง ส่องประกายผ่านคริสตัลอย่างงดงามจากด้านหลัง เมื่อผู้ขับขี่ก้าวเข้าใกล้ตัวรถ ระบบจะรังสรรค์กราฟิกแสงระยิบระยับที่เริ่มต้นจากกระจังหน้า ไปยังไฟหน้าคริสตัล และส่องสว่างพื้นที่โดยรอบ สร้างสรรค์ประสบการณ์การต้อนรับที่น่าประทับใจ เปรียบดุจการเชื้อเชิญเข้าสู่โลกแห่งความหรูหราเหนือระดับ นี่คือมิติใหม่ของการออกแบบที่สะท้อนถึง นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ของ BMW อย่างแท้จริง
รายละเอียดปลีกย่อยที่แสดงถึงความใส่ใจในทุกจุดคือการตกแต่งภายนอกด้วยวัสดุสีดำเงาตัดกับสปอยเลอร์หลังดีไซน์ M ที่เสริมความสปอร์ตและความปราดเปรียว ด้านท้ายของตัวรถเน้นการออกแบบเส้นสายแนวนอน เพื่อมอบความรู้สึกโอ่อ่าและทรงพลัง พร้อมเติมเต็มความสง่างามด้วยวัสดุโครเมียมที่ด้านล่าง ไฟท้ายรูปตัว ‘L’ ที่ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยรูปทรงเรขาคณิตแบบกระจกเป็นครั้งแรก ยิ่งช่วยเสริมให้ไฟท้ายดูโดดเด่นและเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น
ล้ออัลลอยคืออีกหนึ่งองค์ประกอบที่เสริมบุคลิกให้กับ i7 โดย BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso มาพร้อมล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว ที่ตกแต่งด้วยสี Titanium Bronze ขัดเงาลายสามมิติ สร้างความแตกต่างและหรูหราเหนือระดับ ในขณะที่รุ่น BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition) และ BMW i7 xDrive60 M Sport เลือกใช้ล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 21 นิ้ว แบบสลับสี ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกคัดสรรมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านความสวยงามและการขับขี่
ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติที่มาพร้อมกับทุกรุ่นย่อย มอบความนุ่มนวลและเสถียรภาพในการขับขี่ที่เหนือชั้น ในขณะที่รุ่น i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ได้รับการติดตั้งระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยปรับการตอบสนองของช่วงล่างให้เข้ากับสภาพถนนและการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มอบทั้งความสบายและความคล่องตัวที่ไม่มีใครเทียบได้
ความสะดวกสบายยังขยายไปถึงการเข้าถึงตัวรถ ด้วยระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปลดล็อกและสตาร์ทรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ พร้อมระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตูที่ทำงานได้อย่างเงียบเชียบและนุ่มนวล และสำหรับ BMW i7 xDrive60 M Sport และ Gran Lusso ยังมาพร้อมระบบเปิดและปิดประตูอัตโนมัติ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างเหนือระดับ ตอบโจทย์ ประสบการณ์ขับขี่ไฟฟ้า ที่คำนึงถึงทุกรายละเอียด
อาณาจักรแห่งนวัตกรรม: ดีไซน์ภายในและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ BMW i7 ใหม่ คุณจะได้สัมผัสกับ ภายในหรูหรา ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นมากกว่าห้องโดยสาร แต่คือพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตที่ผสมผสานความสะดวกสบาย เทคโนโลยี และสุนทรียภาพเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน เบาะนั่งแบบมัลติฟังก์ชันครบครันสำหรับทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมฟังก์ชันนวดผ่อนคลายที่ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล นอกจากนี้ยังมีระบบอุ่นเบาะทุกที่นั่ง ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะที่นั่ง และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน ซึ่งช่วยเพิ่มการไหลเวียนอากาศและมอบ คุณภาพอากาศที่ดี ในห้องโดยสาร ทำให้ทุกการเดินทางเป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายอย่างแท้จริง วัสดุบุหลังคา M Alcantara และการตกแต่งภายในด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ถักด้วยวัสดุสีเงินแบบ M รวมถึงคอนโซลกลางสีดำเงาแบบ Piano Finish Black ล้วนสะท้อนถึงความประณีตและ วัสดุพรีเมียม ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี
หัวใจของ ห้องโดยสารอัจฉริยะ นี้คือระบบ BMW Live Cockpit Professional ที่มอบความสะดวกสบายและแสดงข้อมูลรถยนต์ที่สำคัญโดยไม่รบกวนสมาธิในการขับขี่บนท้องถนน ระบบ BMW ConnectedDrive เป็นศูนย์รวมบริการดิจิทัลที่เชื่อมต่อรถยนต์กับโลกภายนอกได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจสอบระยะไกล Telematics Service, การให้บริการด้านการจราจรแบบเรียลไทม์ รวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มือถือ และระบบความบันเทิงต่าง ๆ ในตัวรถที่ครบครัน
หลังคากระจกพาโนรามา ‘Sky Lounge’ ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ยิ่งเพิ่มความโอ่อ่า กว้างขวาง และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร นอกจากกระจกบานใหญ่ที่สร้างความประทับใจแล้ว ยังมีเส้นแสง LED อัจฉริยะที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกเส้น สร้างสรรค์บรรยากาศในห้องโดยสารให้หรูหราขึ้นอีกระดับ ยิ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองในยุค 2025 ที่มองหารถยนต์เป็นเสมือนพื้นที่ส่วนตัวที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอารมณ์
BMW i7 ใหม่ ยังผสาน เทคโนโลยี BMW iDrive รุ่นล่าสุดและระบบ ‘My Modes’ ใหม่ เพื่อมอบสภาพแวดล้อมการขับขี่ที่สนุกสนาน พร้อมความสบายระดับสูงสุดในการเดินทางระยะไกล ผู้ขับขี่สามารถปรับโหมดการขับขี่และบรรยากาศภายในรถได้ตามความต้องการ ด้วยอุปกรณ์มากมาย อาทิ จอแสดงผลดิจิทัลแบบโค้ง BMW Curved Display, แถบ BMW Interaction Bar ที่เป็นทั้งองค์ประกอบดีไซน์และปุ่มควบคุม, ระบบผู้ช่วย BMW Intelligent Personal Assistant ที่พัฒนาขึ้นอีกขั้น, หน้าจอ BMW Head-up Display และฟังก์ชัน Augmented View ที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกบนจอแสดงข้อมูลหลังพวงมาลัย ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่และรถยนต์สื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ BMW i7 ยังมาพร้อมระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ BMW IconicSounds Electric ที่รังสรรค์โดย Hans Zimmer ทำให้ผู้โดยสารสัมผัสกับเสียงการเดินรถอันเป็นเอกลักษณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับทุกโหมดการขับขี่
แต่สิ่งที่ทำให้ BMW i7 เหนือชั้นอย่างแท้จริงคือประสบการณ์ในห้องโดยสารด้านหลัง เมื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัวนี้ ผู้โดยสารจะได้พบกับ ระบบบันเทิง BMW Theatre Screen หน้าจอแบบพาโนรามาขนาด 31.3 นิ้ว ในรูปแบบ 32:9 และความละเอียดระดับ 8K ที่ทอดยาวลงมาจากหลังคา เปลี่ยนเบาะที่นั่งตอนหลังให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ส่วนตัวสุดพิเศษ ผู้โดยสารสามารถปรับเปลี่ยนเบาะที่นั่งด้านหลังให้เป็นเลาจน์ส่วนตัว พร้อมเลือกโปรแกรมความบันเทิงที่ชื่นชอบจากหลากหลายตัวเลือกการสตรีมมิ่งที่เชื่อมต่อผ่าน ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ได้อย่างเพลิดเพลิน นี่คือความหรูหราที่แท้จริงที่ตอบโจทย์ความบันเทิงในรถยนต์ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2025
และเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ความบันเทิงและสุนทรียศาสตร์แห่งเสียงอย่างสมบูรณ์แบบ ระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond คือคำตอบ ด้วยการวางตำแหน่งลำโพงรวมกว่า 39 ตัวทั่วห้องโดยสาร มอบประสิทธิภาพเสียงสูงสุดถึง 1,965 วัตต์ ซึ่งรับประกันได้ว่าทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะสามารถเพลิดเพลินไปกับคุณภาพเสียงระดับสตูดิโอที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพลงโปรด ภาพยนตร์ หรือพอดแคสต์ก็ตาม นี่คือ ระบบเสียง Bowers & Wilkins ที่จะทำให้ทุกการเดินทางมีชีวิตชีวา
ขุมพลังแห่งอนาคต: สมรรถนะและการขับขี่
ภายใต้ความหรูหราและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ BMW i7 ใหม่ ซ่อนเร้นไว้ด้วยขุมพลังที่น่าทึ่งจากมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว มอบ กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า รวมสูงสุดถึง 400 กิโลวัตต์ หรือ 544 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาล 745 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถส่งกำลังได้อย่างฉับไวและราบรื่น ผสานกับเกียร์อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive และเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ใน BMW iX ทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการขับขี่และเสถียรภาพสูงสุดในทุกสภาพถนน
แบตเตอรี่ EV แรงดันสูงขนาด 105.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ติดตั้งอยู่บริเวณใต้ตัวถัง ไม่เพียงแต่ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงของรถเพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ แต่ยังทำงานร่วมกับประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน ทำให้ i7 มีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่น่าประทับใจเพียง 19.6-18.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร และที่สำคัญคือมอบ ระยะทางขับขี่ สูงสุดตามมาตรฐาน WLTP ได้ถึง 625 กิโลเมตร ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวล ด้วยตัวเลขนี้ i7 สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานในเรื่องของ “range anxiety” ได้เป็นอย่างดีในยุค 2025
ในด้านสมรรถนะการเร่งความเร็ว i7 สามารถทะยานจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 4.7 วินาที ด้วยพละกำลังอันเหลือเฟือ และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่น่าประทับใจสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ที่เน้นความสบายเป็นหลัก
ระบบช่วงล่างแบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ และในรุ่น Gran Lusso ยังมาพร้อมระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวลและมั่นคงในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือการขับขี่บนทางหลวง นอกจากนี้ BMW i7 ยังมาพร้อม ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ทำให้การบังคับทิศทางง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าโค้งหรือในขณะจอดรถ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับรถซีดานขนาดใหญ่คันนี้ได้อย่างน่าทึ่ง
ความปลอดภัยอัจฉริยะ: เพื่อทุกการเดินทางไร้กังวล
ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญของ BMW และ BMW i7 ใหม่ ได้รับการติดตั้ง ระบบช่วยเหลือการขับขี่ รุ่น Professional ที่ทันสมัยที่สุด เพื่อมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทาง ประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go ซึ่งทำงานร่วมกับเซนเซอร์รอบคัน เพื่อช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและปรับความเร็วให้เหมาะสมตามสภาพการจราจร ทำให้การขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
นอกจากนี้ BMW i7 ยังอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยอัจฉริยะแบบเชิงรุกและเชิงรับ ไม่ว่าจะเป็น:
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor): ที่พร้อมทำงานทันทีเพื่อป้องกันและลดความเสียหายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection): ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โดยสารจากการชนด้านข้าง
ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง: เพื่อให้ผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ โดยเฉพาะคนเดินเท้าและจักรยาน รับรู้ถึงการเคลื่อนที่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่เงียบเชียบ
ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ: เพื่อลดความรุนแรงจากการชน
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC): ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของรถยนต์ในทุกสถานการณ์
ระบบ Anti-lock braking system (ABS): ป้องกันไม่ให้ล้อล็อกหรือหยุดหมุนขณะเบรก เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้
ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist): ที่ช่วยเพิ่มแรงเบรกเมื่อตรวจจับได้ว่าเป็นการเบรกฉุกเฉิน
ทุกระบบล้วนทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ BMW i7 เป็นหนึ่งใน รถยนต์ไร้มลพิษ ที่ปลอดภัยที่สุดบนท้องถนน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปี 2025 ที่มองหาความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ความหรูหรา และความปลอดภัยสูงสุด
ทางเลือกเพื่อความโดดเด่น: รุ่นย่อยและการปรับแต่งเฉพาะบุคคล
BMW i7 นำเสนอทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตอบสนองรสนิยมและความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าผู้ทรงเกียรติ โดยเฉพาะในด้านสีสันและรูปลักษณ์ภายนอก
BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition) มีให้เลือกเฉพาะสีดำ Black Sapphire Metallic ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและสง่างาม
BMW i7 xDrive60 M Sport มอบทางเลือกถึง 8 สีตัวถัง ได้แก่ สีดำ Black Sapphire Metallic, สีขาว Mineral White Metallic, สีเทา Oxide Grey Metallic, สีเทา Brooklyn Grey Metallic, สีดำ Carbon Black Metallic, สีแดง Aventurine Red Metallic, สีน้ำเงิน Tanzanite Blue Metallic และสีเทา Dravit Grey Metallic ให้คุณสามารถเลือกสีที่สะท้อนบุคลิกได้อย่างลงตัว
สำหรับผู้ที่ต้องการความพิเศษเหนือระดับ BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ยังมอบประสบการณ์การปรับแต่งสีแบบทูโทน ที่จับคู่สีภายนอกได้อย่างมีเอกลักษณ์ ลูกค้าสามารถเลือกสีหลังคาได้ 2 สี คือ สีดำ Black Sapphire Metallic และสีเทา Oxide Grey Metallic โดยจับคู่กับสีตัวถังหลัก 5 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire Metallic, สีเทา Oxide Grey Metallic, สีแดง Aventurine Red Metallic, สีน้ำเงิน Tanzanite Blue Metallic และสีเทา Dravit Grey Metallic การผสมผสานสีแบบทูโทนนี้ยกระดับความหรูหราและความโดดเด่นบนท้องถนนได้อย่างแท้จริง
ความมั่นใจไร้ขีดจำกัด: โปรแกรมบำรุงรักษา BMW Services Inclusive (BSI)
BMW ตระหนักดีว่าการเป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม ควรมาพร้อมกับความอุ่นใจสูงสุด จึงได้นำเสนอโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) Standard สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน ซึ่งครอบคลุม:
แพ็คเกจการรับประกันนานสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
บริการดูแลบำรุงรักษาสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
การรับประกันแบตเตอรี่แรงดันไฟสูงและอุปกรณ์ร่วมเป็นระยะเวลานานสูงสุด 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน)
การดูแลบำรุงรักษารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าจะมีกำหนดเข้ารับบริการทุก 24 เดือน โดยครอบคลุมรายการสำคัญต่าง ๆ ดังนี้:
บริการตรวจเช็ครถโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
บริการเปลี่ยนไมโครฟิลเตอร์ เพื่อคุณภาพอากาศที่ดีภายในห้องโดยสาร
บริการเปลี่ยนน้ำมันเบรก เพื่อประสิทธิภาพการเบรกสูงสุด
บริการชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงหลังการให้บริการ (ชาร์จสูงสุด 75%-80%) เพิ่มความสะดวกสบาย
บริการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน (ปีละหนึ่งครั้ง) เพื่อทัศนวิสัยที่ชัดเจน
บริการเปลี่ยนชุดเบรกหน้าและหลัง 1 ชุด รวมถึงผ้าเบรกและจานเบรก (กำหนดการเปลี่ยนไม่ขึ้นอยู่กับระยะทาง) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
โปรแกรม BSI นี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BMW ในการมอบความอุ่นใจและ บริการดูแล BMW ที่เหนือระดับ ให้คุณมั่นใจได้ว่า แพ็คเกจบำรุงรักษา BMW นี้จะดูแลรถยนต์ไฟฟ้าของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าใน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่ต้องการความสะดวกสบายและความคุ้มค่าในการบำรุงรักษา
ก้าวต่อไปกับ BMW: อนาคตที่สดใส
การเปิดตัว BMW i7 ในประเทศไทย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบทบาทใหม่ของ BMW ในฐานะผู้บุกเบิกใน นวัตกรรมยานยนต์พรีเมียม นอกจากนี้ BMW ยังเตรียมเปิดตัว BMW ซีรีส์ 7 ใหม่ ปลั๊กอินไฮบริด รุ่นประกอบในประเทศ เพื่อตอกย้ำแนวคิด “Power of Choice” ที่มอบทางเลือกหลากหลายให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง วิสัยทัศน์ของ BMW ไม่ได้หยุดอยู่แค่การผลิตรถยนต์ แต่คือการสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางที่ยั่งยืน และการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีคุณภาพ
เชิญสัมผัสประสบการณ์แห่งอนาคต: BMW i7 ใหม่
BMW i7 ไม่ใช่แค่ รถยนต์ไฟฟ้า แต่คือสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา นวัตกรรม และความยั่งยืนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุค 2025 นี้ หากคุณกำลังมองหาซีดานไฟฟ้าพรีเมียมที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ เทคโนโลยี และความสบายเหนือระดับ BMW i7 คือคำตอบที่คุณตามหา อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติวงการยานยนต์ครั้งสำคัญนี้
เราขอเรียนเชิญท่านผู้สนใจทุกท่าน ร่วมเป็นประจักษ์พยานและสัมผัสประสบการณ์จริงกับ BMW i7 ใหม่ ได้แล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่าย BMW อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือนัดหมายเพื่อทดลองขับ เพื่อค้นพบนิยามบทใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าซีดานหรู ที่พร้อมพาคุณก้าวไปสู่อนาคตแห่งการเดินทางอย่างมีสไตล์และยั่งยืน
