BMW M5 2025: ตำนาน 40 ปี กับก้าวใหม่แห่งสมรรถนะไฮบริด
บีเอ็มดับเบิลยู M5 คือชื่อที่ก้องกังวานในโลกยานยนต์มายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ ในฐานะสัญลักษณ์แห่งสมรรถนะที่ผสานเข้ากับความหรูหราและการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว และในปี 2025 นี้ M5 เจนเนอเรชั่นที่ 7 ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสานต่อตำนานอันเกรียงไกรนี้ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อน M HYBRID มาใช้เป็นครั้งแรก การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงการปรับโฉม แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปสู่มิติใหม่ที่เร้าใจยิ่งกว่าเดิม ผสมผสานพละกำลังอันมหาศาลเข้ากับประสิทธิภาพที่เหนือความคาดหมาย นี่คืออนาคตของ รถยนต์สมรรถนะสูง ที่แท้จริง
ขุมพลัง M HYBRID: การผสานรวมที่ไร้ที่ติ
หัวใจหลักของ BMW M5 2025 คือระบบขับเคลื่อน M HYBRID ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ เพื่อมอบทั้งความแรงแบบฉบับ M และประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม ระบบนี้เป็นการจับคู่ที่ลงตัวระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน และมอเตอร์ไฟฟ้าอันทรงพลัง
เครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo อันเลื่องชื่อ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ M Performance มาโดยตลอด ถูกปรับจูนใหม่ให้สามารถสร้างพละกำลังสูงสุดถึง 430 กิโลวัตต์ หรือ 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ด้วยเอกลักษณ์เสียงคำรามอันดุดันที่เป็นที่ประจักษ์ มอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกผนวกเข้ามา ให้กำลังสูงสุดถึง 145 กิโลวัตต์ หรือ 197 แรงม้า และสร้างแรงบิดได้ 280 นิวตันเมตร โดยมีระบบเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ คอยทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานร่วมกันของทั้งสองระบบนี้ คือพละกำลังรวมสูงสุดที่น่าทึ่งถึง 535 กิโลวัตต์ หรือ 727 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 1,000 นิวตันเมตร ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของ M5 ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอัตราเร่งที่ทำได้จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 3.5 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถท้าชนซูเปอร์คาร์หลายรุ่นได้อย่างสบายๆ ความเร็วสูงสุดของรถถูกจำกัดไว้ที่ 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อติดตั้ง M Driver’s Package ซึ่งสามารถปลดล็อกได้หลังจากวิ่งไปแล้ว 2,000 กิโลเมตร ณ ศูนย์บริการบีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการรับรอง
เทคโนโลยี M HYBRID ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มตัวเลขพละกำลัง แต่มันคือการยกระดับการตอบสนองและประสิทธิภาพของรถให้ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ บีเอ็มดับเบิลยูได้นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีสุดล้ำจากรถแข่งประเภท endurance มาปรับใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกครั้งที่คุณเหยียบคันเร่ง การตอบสนองจะมาถึงในทันที ไม่ว่าจะเป็นการออกตัวจากหยุดนิ่ง หรือการเร่งแซงที่ต้องการพละกำลังสำรอง ระบบส่งกำลังจะทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งเร้าใจและเปี่ยมประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ระบบท่อไอเสียแบบสปอร์ตยังได้รับการปรับแต่งอย่างประณีต เพื่อมอบเสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและดุดัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ M พร้อมด้วยปลายท่อไอเสีย Black Chrome ขนาด 100 มิลลิเมตร ที่สะดุดตาทุกมุมมอง
ในโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วน (ELECTRIC) บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในเมือง หรือแม้แต่การเดินทางระยะสั้นโดยปราศจากมลพิษ และที่น่าสนใจคือ แม้จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า คุณก็ยังคงได้รับประสบการณ์ทางเสียงที่เพลินหูไม่แพ้โหมดเครื่องยนต์ ผ่านระบบ BMW IconicSounds Electric ที่จะส่งเสียงสังเคราะห์ตอบสนองทุกการควบคุมคันเร่ง ทำให้คุณยังคงสัมผัสได้ถึง “จิตวิญญาณ M” แม้ในความเงียบสงบของการขับขี่ด้วยไฟฟ้า
แชสซีและระบบขับเคลื่อน: ความแม่นยำขั้นสูงสุด
พละกำลังมหาศาลของ BMW M5 2025 ถูกถ่ายทอดลงสู่พื้นถนนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ ให้เน้นการส่งกำลังไปยังล้อหลังเป็นหลัก เพื่อคงไว้ซึ่งอารมณ์การขับขี่แบบรถขับเคลื่อนล้อหลังอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกเปิดใช้งานโหมด 2WD เพื่อส่งกำลังไปยังล้อหลังเท่านั้น พร้อมปิดระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวแบบไดนามิก (DSC) เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ดิบและเร้าใจที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมรถอย่างเต็มที่ในสนามแข่ง หรือผู้ที่ชื่นชอบการดริฟท์
นอกจากนี้ ระบบพวงมาลัยแบบ M Servotronic ที่ตอบสนองได้เฉียบคม และระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อ Integral Active Steering ที่จะช่วยให้ล้อหลังสามารถหมุนได้เล็กน้อยไปในทิศทางเดียวกันหรือตรงกันข้ามกับล้อหน้า ขึ้นอยู่กับความเร็ว ซึ่งส่งผลให้การบังคับเลี้ยวมีความคล่องตัวสูงในความเร็วต่ำ และมีความมั่นคงในความเร็วสูง เสริมด้วยช่วงล่าง Adaptive M ที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะสำหรับสมรรถนะระดับ M ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถกำหนดลักษณะการขับขี่ของบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ได้ในทุกมิติ โดยสามารถเลือกได้ระหว่างการเสริมความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกล หรือเน้นสมรรถนะสูงสุดสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ตตามความต้องการในแต่ละทริป
ระบบเบรกก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ BMW M5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบเบรก M Compound ที่ให้ประสิทธิภาพการหยุดรถอันยอดเยี่ยมและทนทานต่อการใช้งานหนัก และสำหรับผู้ที่ต้องการที่สุดแห่งประสิทธิภาพ บีเอ็มดับเบิลยูยังเสนอทางเลือกของเบรกเซรามิก (M Carbon Ceramic Brakes) ซึ่งไม่เพียงแต่มอบแรงเบรกที่เหนือกว่าและลดน้ำหนักใต้สปริงได้อย่างมาก แต่ยังเพิ่มความทนทานต่อการซีดจางของเบรกจากการใช้งานหนักในสนามแข่งได้อย่างโดดเด่น
การออกแบบภายนอก: ความสง่างามที่แฝงด้วยความดุดัน
BMW M5 2025 โดดเด่นด้วยงานออกแบบภายนอกที่ผสมผสานความสง่างามเข้ากับความดุดันในแบบฉบับรถยนต์สมรรถนะสูงอย่างลงตัว เส้นสายตัวถังมีความบึกบึนและทรงพลัง ด้วยซุ้มล้อที่ขยายกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสเกิร์ตข้างที่ออกแบบมาให้เด่นสะดุดตา เพื่อรองรับฐานล้อที่กว้างขึ้นและสร้างรูปลักษณ์ที่ดูมั่นคงบนท้องถนน
ด้านหน้าของรถมาพร้อมกับกระจังหน้าไตคู่ M-specific ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่กันชนหน้า ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความดุดัน แต่ยังทำหน้าที่ระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์และระบบเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED ที่โฉบเฉี่ยว ให้ความรู้สึกทันสมัยและเฉียบคม ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ M ดีไซน์ Double spoke สีดำ ขนาด 20 นิ้วสำหรับคู่หน้า และ 21 นิ้วสำหรับคู่หลัง ไม่เพียงแต่ช่วยลดน้ำหนักใต้สปริงเพื่อเพิ่มสมรรถนะ แต่ยังเป็นส่วนเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับรูปลักษณ์ภายนอกของ ซีดานหรู คันนี้ นอกจากนี้ โลโก้ “M5” ที่ประทับนูนอยู่บนส่วน Hofmeister kink อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความพิเศษของรถรุ่นนี้
ภายในห้องโดยสาร: สปอร์ต ลักซ์ชูรี และเทคโนโลยีสุดล้ำ
ก้าวเข้าสู่ภายในของ BMW M5 2025 คุณจะพบกับห้องโดยสารที่ได้รับการตกแต่งด้วยองค์ประกอบที่คัดสรรมาสำหรับรถยนต์ตระกูล M โดยเฉพาะ เพื่อเน้นย้ำถึงบุคลิกที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว บรรยากาศภายในห้องโดยสารโอ่อ่าและสง่างาม ด้วยเบาะหนัง Merino คุณภาพสูงที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน มอบความรู้สึกพรีเมียมและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
พื้นที่ห้องโดยสารถูกออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่เป็นหลัก ด้วยพวงมาลัยหนัง M ดีไซน์ใหม่ในรูปทรงตัดขอบล่าง พร้อมปุ่ม M แบบมีไฟส่องสว่างที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งค่าการขับขี่ล่วงหน้าได้อย่างรวดเร็ว เบาะนั่ง M multifunction ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่ให้การรองรับที่ดีเยี่ยมในทุกสภาวะการขับขี่ แต่ยังปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย เพื่อความสบายสูงสุด จอแสดงผลโค้ง BMW Curved Display ขนาดใหญ่ที่ทันสมัย รองรับการแสดงข้อมูลเฉพาะสำหรับรถยนต์ตระกูล M รวมถึงมาตรวัดรอบเครื่องยนต์และข้อมูลสมรรถนะต่างๆ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน
ระบบควบคุม BMW iDrive เวอร์ชันอัปเกรดล่าสุด (คาดว่าเป็น iDrive 8.5 หรือ 9 ในปี 2025) เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถโต้ตอบกับระบบต่างๆ ของรถผ่านการสัมผัสบนหน้าจอ และการสั่งงานด้วยเสียงที่แม่นยำและใช้งานง่าย ระบบ BMW Interaction Bar ที่วิ่งยาวตลอดแนวคอนโซลหน้า เป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นที่เพิ่มความหรูหราและควบคุมฟังก์ชันบางอย่างได้ด้วยการสัมผัส ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน และชุดไฟห้องโดยสาร Ambient Light ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ตระกูล M ช่วยสร้างบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์และเป็นส่วนตัว
ด้านความสะดวกสบายและความบันเทิง BMW M5 ใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Surround Sound อันเป็นเลิศ มอบประสบการณ์การฟังเพลงที่คมชัดและทรงพลังเสมือนอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์ แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย ระบบ Comfort Access ที่ช่วยให้คุณสามารถเข้า-ออกรถได้อย่างสะดวกสบาย และระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
แผงควบคุมบนคอนโซลกลางของบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ประกอบด้วยปุ่มควบคุมฟังก์ชันเฉพาะรุ่นมากมายที่พร้อมให้ผู้ขับขี่ใช้ปรับแต่งการทำงานของตัวรถในหลากหลายด้านได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโหมดการทำงานของเครื่องยนต์ (Engine Map) ระบบ Drivelogic สำหรับเกียร์ ช่วงล่าง พวงมาลัย เบรก หรือแม้กระทั่งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive รวมถึงระดับการทำงานของระบบสร้างพลังงานคืนจากเบรก (brake energy regeneration) ผู้ขับขี่สามารถบันทึกการตั้งค่าที่ชื่นชอบเป็นพรีเซ็ตได้สองแบบ เพื่อเรียกใช้งานได้ทันทีผ่านปุ่ม M บนพวงมาลัย ซึ่งช่วยให้การสลับโหมดการขับขี่เป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
เมื่อเปลี่ยนโหมดการขับขี่จากโหมด ROAD ซึ่งเป็นโหมดมาตรฐาน ไปเป็น SPORT จะทำให้มีการจำกัดการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้เหลือเฉพาะระบบที่จำเป็น เพื่อรีดเอาความสปอร์ตขั้นสุดออกมา รวมถึงการปรับรูปแบบการแสดงผลบนหน้าจอ BMW Curved Display ให้แสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่แบบสปอร์ตมากขึ้น สร้างความเร้าใจและเสริมการมีส่วนร่วมกับรถ
เทคโนโลยีและความปลอดภัย: ยกระดับความมั่นใจในทุกเส้นทาง
บีเอ็มดับเบิลยู M5 2025 ไม่เพียงแต่เน้นสมรรถนะ แต่ยังยกระดับความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ประจำวันขึ้นไปอีกขั้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบช่วยจอดอัตโนมัติที่หลากหลายยิ่งขึ้น พร้อมระบบมาตรฐานที่ครบเครื่อง อาทิ ระบบ Driving Assistance Professional ที่รวมเอาฟังก์ชันความปลอดภัยขั้นสูงมากมายเข้าไว้ด้วยกัน เช่น:
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Front Collision Warning): ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุจากการชนท้าย
ระบบเตือนการออกนอกเลน (Lane Departure Warning) ที่สามารถพารถกลับเข้าเลนด้วยการช่วยบังคับพวงมาลัย: เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ทางไกล
ระบบช่วยหลบหลีกสิ่งกีดขวาง (Evasion Assistant): ช่วยผู้ขับขี่ในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ระบบตรวจจับความตื่นตัวของผู้ขับขี่ (Attentiveness Assistant): ช่วยเตือนเมื่อผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า
ระบบแสดงความเร็วจำกัด (Speed Limit Info): แจ้งเตือนความเร็วที่จำกัดบนเส้นทาง
นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Parking Assistant Professional และ Reversing Assistant ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่จัดการกับการจอดรถในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซองหรือการถอยออกจากจุดจอด ฟังก์ชันเหล่านี้ช่วยลดความเครียดในการขับขี่ในเมืองได้อย่างมาก
ปุ่ม M Hybrid ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในรุ่นนี้ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกระหว่างโหมดการทำงานของระบบไฮบริดได้อย่างอิสระ:
โหมด HYBRID: ผสมผสานพละกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างชาญฉลาด เพื่อเสริมทั้งความประหยัดพลังงานและสมรรถนะให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ในแต่ละช่วงเวลา
โหมด ELECTRIC: เน้นการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน เพื่อการขับขี่ที่เงียบสงบและปราศจากมลพิษ โดยเครื่องยนต์สันดาปจะทำงานเฉพาะเมื่อผู้ขับเหยียบคันเร่งจนสุด หรือใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์เท่านั้น เหมาะสำหรับการเดินทางในเมือง หรือพื้นที่ที่ต้องการความเงียบเป็นพิเศษ
โหมด eCONTROL: เน้นการดึงพลังงานคืนจากระบบเบรก เพื่อรักษาระดับแบตเตอรี่ให้คงที่ หรือชาร์จแบตเตอรี่กลับคืนมา สำหรับการใช้งานในอนาคต
สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมรถอย่างเต็มที่ บีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ยังมีตัวเลือกในการปิดการทำงานของระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (DSC) โดยสมบูรณ์ เพื่อปลดปล่อยสมรรถนะของรถได้อย่างเต็มที่ แต่ยังมีโหมด M Dynamic Mode (MDM) ซึ่งเป็นการกดปุ่ม DSC หนึ่งครั้ง ระบบ DSC จะช่วยควบคุมระบบเบรกและลดกำลังเครื่องยนต์ในระดับที่อนุญาตให้รถมีความอิสระในการเคลื่อนที่มากขึ้น โดยยังคงมีระบบช่วยควบคุมเล็กน้อย ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งที่ต้องการความท้าทายแต่ยังคงความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
ขณะที่ระบบ M Drive Professional จะเปิดให้ผู้ขับขี่เลือกโหมด TRACK ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่สำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ และยังใช้งานฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เน้นการขับขี่ที่ระดับสมรรถนะสูงสุดอย่าง M Laptimer สำหรับบันทึกเวลาต่อรอบ และ Boost Control ที่ช่วยให้การออกตัวจากหยุดนิ่งเป็นไปอย่างดุดันที่สุด ฟังก์ชันเหล่านี้คือสิ่งที่ตอกย้ำว่า BMW M5 2025 ไม่ได้เป็นเพียง รถยนต์สมรรถนะสูง สำหรับถนนสาธารณะ แต่ยังเป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับนักแข่งตัวจริง
ราคาและแพ็คเกจ: การลงทุนใน ประสบการณ์การขับขี่ระดับพรีเมียม
BMW M5 2025 พร้อมให้ผู้ที่หลงใหลในยนตรกรรมสมรรถนะสูงเป็นเจ้าของแล้ว ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 12,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard) และสำหรับผู้ที่ต้องการที่สุดแห่งสมรรถนะและเทคโนโลยี ก็มีทางเลือกของรุ่นที่มาพร้อมกับเบรกเซรามิก ในราคา 13,699,000 บาท ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับ นวัตกรรมยานยนต์ ที่ผสานความแรง ความหรูหรา และเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
BMW M5 ใหม่ ไม่ใช่แค่รถยนต์ซีดานอีกต่อไป แต่มันคือนิยามใหม่ของสมรรถนะและความยั่งยืน เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีไฮบริดล้ำสมัยกับจิตวิญญาณ M อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการออกแบบที่โดดเด่น ภายในห้องโดยสารที่หรูหราเปี่ยมด้วยเทคโนโลยี และพละกำลังอันมหาศาลที่มาพร้อมกับการควบคุมที่แม่นยำ ทำให้ BMW M5 2025 คือยานยนต์แห่งอนาคตที่พร้อมจะสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ยากจะลืมเลือน และสานต่อตำนาน M ให้ยิ่งใหญ่ต่อไปอีกหลายสิบปีข้างหน้า เป็นเครื่องยืนยันว่าถึงแม้โลกจะก้าวไปข้างหน้า แต่ความหลงใหลใน สมรรถนะเหนือระดับ ของ M จะยังคงอยู่ตลอดไป

