Leapmotor B10: น้องเล็กขุมพลังไฟฟ้า 218 แรงม้า ชูจุดเด่นแบตฯ 600 กม. พร้อมฟาดฟันในสังเวียน EV ไทยปี 2025
อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกำลังเข้าสู่ยุคของการแข่งขันที่ดุเดือด ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเซกเมนต์ B-SUV ไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างสูงจากผู้บริโภคที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในปี 2025 นี้ Leapmotor แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดย PNA Group (พระนครยนตรการ) และได้รับสิทธิ์จากกลุ่ม Stellantis เตรียมสร้างความฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Leapmotor B10 รถ EV รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมสเปกและราคาที่น่าจับตา พร้อมที่จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าไทย
Leapmotor B10 ไม่เพียงแค่เป็นน้องเล็กรุ่นใหม่ในสายผลิตภัณฑ์ของ Leapmotor ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังถูกวางตำแหน่งให้เป็นความหวังสำคัญที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ หลังจากที่รุ่นพี่อย่าง Leapmotor C10 ได้สร้างภาพลักษณ์ของความทันสมัยและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมไปแล้ว ด้วยจุดเด่นด้านขนาดที่กะทัดรัดขึ้นแต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ใช้สอยที่ครบครัน ผนวกกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและราคาที่เข้าถึงได้ Leapmotor B10 จึงถูกจับตามองว่าจะสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งได้อย่างไรในสมรภูมิที่ร้อนระอุนี้
Leapmotor B10: การออกแบบและมิติตัวถังที่ลงตัว
Leapmotor B10 มาพร้อมการออกแบบที่ผสมผสานความโฉบเฉี่ยวและความเรียบง่ายเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานและความสวยงามที่ยั่งยืน ตัวรถถูกออกแบบให้มีเส้นสายที่ลื่นไหล พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ แต่ยังเสริมให้ตัวรถดูทันสมัยและโดดเด่นบนท้องถนนในยามค่ำคืน การออกแบบในสไตล์ B-SUV ไฟฟ้า ทำให้ Leapmotor B10 มีความคล่องตัวสูง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่น ขณะเดียวกันก็ยังคงให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยในการเดินทางไกล
มิติตัวถังของ Leapmotor B10 ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีความยาว 4,515 มิลลิเมตร กว้าง 1,885 มิลลิเมตร และสูง 1,655 มิลลิเมตร พร้อมระยะฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่ามีความกว้างขวางเมื่อเทียบกับ รถยนต์ไฟฟ้า ในพิกัดเดียวกัน ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 170 มิลลิเมตร ช่วยให้การขับขี่บนถนนที่มีความหลากหลายเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับสภาพถนนที่ไม่สมบูรณ์หรือน้ำท่วมขังเล็กน้อยในบางพื้นที่ของประเทศไทย หากเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Leapmotor C10 ที่มีมิติตัวถังใหญ่กว่าเล็กน้อย (ยาว 4,739 มม. กว้าง 1,900 มม. สูง 1,680 มม. ฐานล้อ 2,825 มม.) จะเห็นได้ว่า B10 นั้นถูกออกแบบมาให้มีความกระชับและคล่องตัวยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการ รถ EV ที่ไม่ใหญ่จนเกินไป แต่ยังคงความสามารถในการบรรทุกและพื้นที่ห้องโดยสารที่สะดวกสบายได้อย่างครบครัน
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย Star Sports พร้อมยางขนาด 225/50 R18 ไม่เพียงช่วยเสริมภาพลักษณ์สปอร์ตให้กับตัวรถ แต่ยังให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม พร้อมรองรับน้ำหนักและแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างมั่นคงและนุ่มนวลในทุกสภาพถนน
ขุมพลังและสมรรถนะ: ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าความคาดหมาย
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Leapmotor B10 กลายเป็น รถยนต์ไฟฟ้า ที่น่าจับตามองคือขุมพลังและสมรรถนะที่น่าประทับใจ โดยมีให้เลือก 2 รูปแบบที่เน้นความแตกต่างของความจุแบตเตอรี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งพละกำลังที่ตอบสนองการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้อย่างยอดเยี่ยม
รุ่น LIFE 56.2 kWh:
มอเตอร์ไฟฟ้า: มอเตอร์เดี่ยวติดตั้งที่เพลาล้อหลัง (RWD Rear-Wheel Drive) ให้พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง ให้การเร่งแซงที่ฉับไวและมั่นใจ
แบตเตอรี่: มาพร้อม แบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) จาก CATL ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ระดับโลก ขนาดความจุ 56.2 kWh แบตเตอรี่ LFP มีจุดเด่นด้านความทนทาน อายุการใช้งานที่ยาวนาน และความปลอดภัยที่สูงกว่า
ระยะทางขับขี่: สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งเป็นตัวเลขที่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับผู้ที่เดินทางในระยะปานกลางถึงไกลได้อย่างสบายใจ
อัตราเร่ง: อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 8 วินาที แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองที่รวดเร็วของมอเตอร์ไฟฟ้า
ความเร็วสูงสุด: ทำได้ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่เพียงพอสำหรับการขับขี่บนทางหลวงในประเทศไทย
รุ่น STYLE / DESIGN 67.1 kWh:
มอเตอร์ไฟฟ้า: เช่นเดียวกับรุ่น Life ใช้มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร มั่นใจได้ถึงสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัวและทรงพลัง
แบตเตอรี่: อัปเกรดมาใช้ แบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) จาก CATL ที่มีความจุ 67.1 kWh ซึ่งให้ระยะทางขับขี่ที่ไกลยิ่งขึ้น
ระยะทางขับขี่: วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 516 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการระยะทางขับขี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษ ลดความกังวลเรื่องการหาจุดชาร์จระหว่างทาง
อัตราเร่ง: อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 8 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การเลือกใช้ แบตเตอรี่ LFP จาก CATL ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Leapmotor ในการนำเสนอ รถยนต์ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงแก่ผู้บริโภค การันตีได้ถึงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ตลอดการเดินทาง
ระบบช่วงล่างและการขับขี่: ความมั่นคงบนทุกเส้นทาง
Leapmotor B10 ถูกออกแบบมาเพื่อให้การขับขี่ที่นุ่มนวล มั่นคง และตอบสนองได้ดีเยี่ยมในทุกสภาพถนน ระบบช่วงล่างจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ได้รับการพัฒนาอย่างพิถีพิถัน
ช่วงล่างด้านหน้า: อิสระ MacPherson Strut ซึ่งเป็นระบบที่นิยมใช้ในรถยนต์นั่งทั่วไป มีจุดเด่นด้านความคล่องตัวในการตอบสนอง แรงสั่นสะเทือนน้อย และให้ความรู้สึกมั่นคงในการขับขี่
ช่วงล่างด้านหลัง: อิสระแบบ 4-Links ซึ่งเป็นระบบที่ซับซ้อนกว่า ช่วยให้ล้อทั้งสี่สามารถทำงานได้อย่างอิสระ ส่งผลให้การยึดเกาะถนนดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าโค้งหรือขับขี่บนพื้นผิวที่ไม่เรียบ ระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลังนี้ ทำให้ Leapmotor B10 มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งในด้านความสบายของผู้โดยสาร และความมั่นใจของผู้ขับขี่ในการควบคุมรถ การรวมกันของระบบช่วงล่างที่ยอดเยี่ยมและยางขนาด 225/50 R18 ช่วยให้ สมรรถนะรถยนต์ไฟฟ้า ของ B10 โดดเด่นในเรื่องการทรงตัวและการควบคุมรถ
ระบบการชาร์จไฟฟ้า: ความสะดวกสบายในยุคดิจิทัล
สำหรับ รถ EV ในปี 2025 ความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้าคือสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ Leapmotor B10 มาพร้อมระบบการชาร์จที่ครบครันและรองรับเทคโนโลยี การชาร์จเร็ว เพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย:
การชาร์จด้วยกระแสสลับ (AC Charging): รองรับสูงสุด 11 kW ซึ่งเป็นกำลังชาร์จที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้ง Wall Charger ที่บ้าน หรือจุดชาร์จสาธารณะแบบ AC ทั่วไป ใช้เวลาในการชาร์จเต็มคันเพียงไม่กี่ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความจุแบตเตอรี่
การชาร์จด้วยกระแสตรง (DC Fast Charging):
รุ่น Life 56.2 kWh รองรับสูงสุด 140 kW
รุ่น Style/Design 67.1 kWh รองรับสูงสุด 168 kW
ด้วย ระบบชาร์จเร็ว DC นี้ ทำให้การชาร์จจาก 30% ถึง 80% ใช้เวลาเพียง 18-20 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่สั้นมาก ช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมหาศาลเมื่อเดินทางไกลและต้องแวะชาร์จระหว่างทาง
ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L – Vehicle-to-Load): Leapmotor B10 ยังมาพร้อม เทคโนโลยี V2L รองรับกำลังสูงสุด 3.3 kW ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดึงพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์ไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับปิกนิก อุปกรณ์ตั้งแคมป์ หรือแม้แต่ใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองในกรณีฉุกเฉิน เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงเพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับตัวรถ แต่ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ Leapmotor ในการสร้าง อนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นมากกว่าแค่พาหนะ
ห้องโดยสารอัจฉริยะ: ผสานความหรูหราและเทคโนโลยี
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารของ Leapmotor B10 จะสัมผัสได้ถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีล้ำสมัย การออกแบบภายในเน้นความกว้างขวางและประโยชน์ใช้สอย เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุด
หลังคากระจก Panoramic Roof แบบ Fixed: ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งสบายภายในห้องโดยสาร สร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างและเชื่อมโยงกับภายนอก พร้อมม่านบังแดดที่สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อควบคุมปริมาณแสงแดด
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองฝุ่น PM 2.5: ให้ความมั่นใจได้ถึงอากาศบริสุทธิ์ภายในห้องโดยสาร แม้จะขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ
ระบบกุญแจอัจฉริยะ: ทั้งระบบกุญแจ Bluetooth และ NFC Card มอบความสะดวกสบายในการเข้าถึงและสตาร์ทรถ
เบาะนั่ง: โครงสร้างเบาะนั่ง 7 ชั้น พร้อมการรับรอง OEKO-TEX Certification ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยของสิ่งทอ ให้ความรู้สึกสบายและรองรับสรีระได้ดีเยี่ยม เบาะนั่งด้านหลังสามารถแยกพับอิสระแบบ 60:40 และสามารถพับได้เรียบสนิท ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างมหาศาล ตอบโจทย์การใช้งาน รถครอบครัวไฟฟ้า
รายละเอียดภายใน: ช่องแอร์ตกแต่งด้วยโครเมียม แผงประตูบุนุ่ม พวงมาลัยแบบสปอร์ตสีทูโทนพร้อมสวิตช์ควบคุม ให้ความรู้สึกพรีเมียมและน่าสัมผัส
ระบบ Infotainment ล้ำสมัย:
จอมาตรวัด Full Digital LCD ขนาด 8.8 นิ้ว: แสดงข้อมูลการขับขี่ที่จำเป็นอย่างชัดเจนและทันสมัย
หน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 14.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K: เป็นศูนย์กลางการควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (Wireless) ที่จะเริ่มใช้งานได้ในเดือนธันวาคม 2025 ซึ่งถือเป็นฟังก์ชันสำคัญที่ผู้ใช้ รถ EV ยุคใหม่ต้องการ นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบแผนที่นำทาง Here Map และลำโพง 6 ตำแหน่ง ให้ความบันเทิงตลอดการเดินทาง
ความสะดวกสบายเพิ่มเติม: ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger 15W และช่องชาร์จ USB Type C 60W ตอบโจทย์การเชื่อมต่อและชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ความแตกต่างของแต่ละรุ่นย่อย: Life, Style, Design
Leapmotor B10 นำเสนอ 3 รุ่นย่อย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ตรงกับความต้องการและงบประมาณมากที่สุด โดยแต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน:
B10 Life 56.2 kWh:
เป็นรุ่นเริ่มต้นที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุด ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่าย (โดยประมาณ 688,000 บาท ณ วันเปิดตัว)
มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) ขนาด 56.2 kWh ระยะทางขับขี่ 470 กม. (NEDC)
ระบบชาร์จ DC สูงสุด 140 kW
เน้นฟังก์ชันพื้นฐานที่จำเป็นครบครัน สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นกับ รถยนต์ไฟฟ้า
B10 Style 67.1 kWh:
เพิ่มความจุแบตเตอรี่เป็น 67.1 kWh ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 516 กม. (NEDC)
รองรับ การชาร์จเร็ว DC สูงสุด 168 kW
มีกระจกมองข้างพร้อมระบบไล่ฝ้า เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ในสภาพอากาศเย็นหรือชื้น
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการระยะทางขับขี่ที่ไกลขึ้นและฟังก์ชันเสริมเพื่อความสะดวกสบาย (โดยประมาณ 748,000 บาท)
B10 Design 67.1 kWh:
เป็นรุ่นท็อปสุดที่อัดแน่นด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีเพื่อความหรูหราและความสะดวกสบายสูงสุด
มาพร้อมแบตเตอรี่ 67.1 kWh และระยะทางขับขี่ 516 กม. (NEDC) เช่นเดียวกับรุ่น Style
เพิ่มเติมด้วยกระจกหน้าต่างด้านหลังแบบ Privacy Glass เพื่อความเป็นส่วนตัว
กระจกมองข้างพับด้วยไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ
ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี เพิ่มความสุนทรีในการเดินทาง
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor
ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายในการขนสัมภาระ
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ECO Leather พร้อมเบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง
เบาะนั่งคู่หน้ามาพร้อมระบบระบายอากาศ Ventilation Seats และระบบอุ่น Heated Seats เพิ่มความสบายในทุกสภาพอากาศ
ที่วางแขนเบาะนั่งด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว
อัปเกรดระบบเครื่องเสียงเป็นลำโพง 12 ตำแหน่ง เพื่อประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์แบบ
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ภายในรถยนต์ไฟฟ้าหรู และเทคโนโลยีครบครัน (โดยประมาณ 788,000 บาท)
การนำเสนอราคาที่แข่งขันได้ในแต่ละรุ่นย่อยนี้ ทำให้ Leapmotor B10 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในกลุ่ม ราคา รถยนต์ไฟฟ้า ในตลาด B-SUV ไฟฟ้า ของไทย
ระบบความปลอดภัยและผู้ช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS: มั่นใจในทุกการเดินทาง
Leapmotor B10 ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารสูงสุด ด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงรุกและเชิงรับที่ครบครัน รวมถึง เทคโนโลยี ADAS (Advanced Driver-Assistance Systems) ระดับ L2 Semi-Autonomous ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้ปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน:
ระบบเบรก ABS / EBD / BA เพื่อการหยุดรถที่มีประสิทธิภาพ
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control)
ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC (Traction Control System)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control)
ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาด BOS (Brake Override System)
ระบบสัญญาณเตือนหยุดรถฉุกเฉิน ESS (Emergency Signal System)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมฟังก์ชัน AVH (Auto Vehicle Hold) เพิ่มความสะดวกสบายในการหยุดรถติดบนเนินเขา
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ ADAS ระดับ L2:
Leapmotor B10 มาพร้อมเซนเซอร์และเรดาร์ที่ทันสมัย ประกอบด้วย เรดาร์ Ultrasonic 4 ตัว และเซนเซอร์ MMW (Millimeter Wave) 2 ตัว เพื่อรองรับ ระบบ ADAS ที่หลากหลาย:
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (ACC – Adaptive Cruise Control): รักษาความเร็วและระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ
ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (LCC – Lane Centering Control): ช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลนตลอดเวลา
ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA – Lane Keeping Assist): ป้องกันรถออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ
ระบบควบคุมรถฉุกเฉินให้อยู่ในเลน (ELKA – Emergency Lane Keeping Assist): เข้ามาช่วยควบคุมรถในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้อยู่ในเลนอย่างปลอดภัย
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW – Lane Departure Warning): แจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW – Front Collision Warning): แจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงที่จะชนกับรถคันหน้า
ระบบเตือนการชนด้านหลัง (RCW – Rear Collision Warning): แจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงที่จะถูกชนจากด้านหลัง
ระบบเตือนเมื่อเปิดประตูรถ (DOW – Doors Open Warning): แจ้งเตือนเมื่อมีรถหรือวัตถุเข้าใกล้ขณะเปิดประตู
ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตา (BSD – Blind Spot Detection): แจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาของผู้ขับขี่
ระบบเบรกอัตโนมัติ (AEB – Advanced Emergency Braking): ทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดความรุนแรงของการชน
ระบบตรวจจับการปล่อยมือบนพวงมาลัย (HOD – Hands Off Detection): ตรวจสอบว่าผู้ขับขี่ยังคงจับพวงมาลัยอยู่หรือไม่ เพื่อความปลอดภัย
ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (RCTA – Rear Cross Traffic Alert): แจ้งเตือนเมื่อมีรถกำลังจะตัดผ่านขณะถอยรถออกจากช่องจอด
ระบบเบรกอัตโนมัติด้านหลัง (RCTB – Rear Cross Traffic Braking): หากมีวัตถุตัดผ่านขณะถอยหลัง ระบบจะทำการเบรกอัตโนมัติ
ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ISA – Intelligent Speed Assist): ช่วยปรับความเร็วให้เหมาะสมกับจำกัดความเร็วของถนน
ระบบตรวจจับเมื่อคนขับเหนื่อยล้า (DDAW – Driver Drowsiness Attention Warning) และระบบเตือนเมื่อคนขับเหนื่อยล้าขั้นสูง (ADDW – Advanced Driver Distraction Warning): ตรวจจับอาการเหนื่อยล้าหรือเสียสมาธิของผู้ขับขี่และแจ้งเตือนเพื่อความ ขับขี่ปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านนิรภัย, และกลางเบาะคู่หน้า) กล้องรอบคัน 360 องศา และเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง เพื่อให้การจอดรถและการขับขี่ในที่แคบเป็นไปอย่างง่ายดายและปลอดภัยสูงสุด
บทสรุปและบทบาทในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยปี 2025
Leapmotor B10 ถือเป็นก้าวสำคัญของ Leapmotor ในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ของประเทศไทย ด้วยการนำเสนอ รถ EV ในพิกัด B-SUV ที่มีจุดเด่นรอบด้าน ทั้งการออกแบบที่ทันสมัย สมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 218 แรงม้า พร้อม แบตเตอรี่ LFP ความจุสูงสุด 67.1 kWh ที่ให้ระยะทางขับขี่ไกลถึง 516 กิโลเมตร (NEDC) และที่สำคัญคือ ราคา รถยนต์ไฟฟ้า ที่สามารถเข้าถึงได้เมื่อเทียบกับฟังก์ชันและเทคโนโลยีที่อัดแน่นมาให้
ในตลาด รถยนต์ไฟฟ้าไทย ปี 2025 ที่มีการแข่งขันสูง Leapmotor B10 มีศักยภาพที่จะสร้างความแตกต่างด้วยการเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มองหา รถ EV ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกล ด้วย เทคโนโลยี V2L ที่เป็นนวัตกรรม ภายในรถยนต์ไฟฟ้า ที่กว้างขวางและสะดวกสบาย และชุด ระบบ ADAS ที่ครบครัน ทำให้ B10 ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่ชาญฉลาดและปลอดภัย
PNA Group ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่ม Stellantis มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในด้านบริการหลังการขายและการดูแลลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า การเข้ามาของ Leapmotor B10 จึงไม่เพียงเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้ตลาด รถยนต์ไฟฟ้าไทย มีการพัฒนาและแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้งานทุกคน Leapmotor B10 จึงพร้อมแล้วที่จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตำนานบทใหม่ใน อนาคตยานยนต์ไฟฟ้า ของประเทศไทย
