Leapmotor B10: น้องเล็กขุมพลังไฟฟ้าแห่งปี 2025 กับการท้าชนตลาด B-SUV EV เดือดระอุในไทย
สวัสดีครับทุกท่าน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่คลุกคลีอยู่ในวงการมานานนับทศวรรษ ผมขอพาทุกท่านมาเจาะลึกกับหนึ่งในดาวเด่นที่น่าจับตาที่สุดของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยประจำปี 2025 นั่นคือ Leapmotor B10 ครับ รถยนต์อเนกประสงค์ไฟฟ้า (Electric SUV) รุ่นล่าสุดจาก Leapmotor ที่พร้อมแล้วสำหรับการสร้างมาตรฐานใหม่ในเซกเมนต์ B-SUV EV ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย
นับตั้งแต่ปี 2024 ที่ผ่านมา เราได้เห็น Leapmotor เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายโดย PNA Group หรือพระนครยนตรการ ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Stellantis การเปิดตัว Leapmotor C10 ในช่วงแรกถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความตั้งใจของแบรนด์ที่จะบุกตลาด EV ไทยอย่างจริงจัง แม้ว่ายอดขายของ C10 อาจจะยังไม่โดดเด่นอย่างที่คาดหวังไว้ แต่ในโลกของธุรกิจยานยนต์ การเรียนรู้และปรับตัวคือหัวใจสำคัญ และนั่นคือที่มาของการเปิดตัว Leapmotor B10 ในฐานะ “น้องเล็ก” ที่มาพร้อมความหวังและศักยภาพที่จะพลิกเกม
Leapmotor B10 ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ไฟฟ้าอีกรุ่นหนึ่งที่เข้ามาสู่ตลาด แต่มันคือการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีความสมดุลทั้งในด้านราคา สมรรถนะ และเทคโนโลยี ในปี 2025 นี้ ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และความคาดหวังก็สูงขึ้นตามไปด้วย B10 จึงถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างนี้ ด้วยจุดเด่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่ทันสมัย ห้องโดยสารที่กว้างขวาง เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง และที่สำคัญที่สุดคือราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้ B10 กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ราคาถูก แต่เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ
ดีไซน์ที่สะท้อนอนาคต: รูปลักษณ์ภายนอกที่ลงตัวทุกมิติ
Leapmotor B10 มาพร้อมกับมิติตัวถังที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เพื่อตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางออกนอกเมือง ด้วยความยาว 4,515 มิลลิเมตร กว้าง 1,885 มิลลิเมตร สูง 1,655 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร ทำให้ B10 อยู่ในพิกัด B-SUV ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับพี่ใหญ่อย่าง C10 ที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย (4,739 x 1,900 x 1,680 มม. ฐานล้อ 2,825 มม.) B10 แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัวที่มากกว่า เหมาะสมกับการขับขี่ในสภาพการจราจรที่หนาแน่นของเมืองใหญ่ในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งความโอ่อ่าและพื้นที่ภายในที่เพียงพอสำหรับทุกคนในครอบครัว
การออกแบบภายนอกของ Leapmotor B10 ในปี 2025 นี้เน้นความเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความทันสมัยและแอโรไดนามิก เส้นสายตัวถังไหลลื่นตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้าย สะท้อนถึงการออกแบบที่พิถีพิถันเพื่อลดแรงต้านอากาศ ซึ่งส่งผลดีต่อระยะทางวิ่งและประสิทธิภาพโดยรวมของรถยนต์ไฟฟ้า ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ B10 ดูโดดเด่นบนท้องถนน ล้ออัลลอย Star Sports ขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 225/50 R18 ไม่เพียงแต่เสริมความสปอร์ตให้กับตัวรถ แต่ยังให้การยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมและเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่อีกด้วย ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 170 มิลลิเมตร ยังช่วยให้ B10 สามารถรับมือกับสภาพถนนที่ไม่สมบูรณ์หรือการขับผ่านอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างสบาย
ห้องโดยสารที่เหนือระดับ: ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีที่พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์
ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ Leapmotor B10 คุณจะพบกับบรรยากาศที่ผสมผสานความหรูหรา ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จุดเด่นแรกที่สะดุดตาคือหลังคากระจก Panoramic Roof แบบ Fixed ขนาดใหญ่ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร แต่ยังสามารถควบคุมม่านบังแดดไฟฟ้าได้ด้วยระบบสัมผัส เพิ่มความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัวได้อย่างง่ายดาย
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมระบบกรองฝุ่น PM 2.5 เป็นฟีเจอร์ที่สำคัญอย่างยิ่งในสภาพอากาศปัจจุบันของประเทศไทย ช่วยให้มั่นใจได้ว่าอากาศภายในห้องโดยสารจะบริสุทธิ์และสดชื่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับมลภาวะภายนอกแค่ไหนก็ตาม การเข้าถึงรถยนต์ก็ทำได้ง่ายและทันสมัยด้วยระบบกุญแจ Bluetooth และ NFC Card ที่ช่วยให้คุณไม่ต้องพกกุญแจจริงอีกต่อไป
เบาะนั่งโครงสร้าง 7 ชั้น ได้รับการรับรอง OEKO-TEX Certification ซึ่งยืนยันถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม มอบความสบายสูงสุดในการเดินทาง แม้จะเป็นการเดินทางระยะไกล ในรุ่นเริ่มต้น เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าคุณภาพดี และสามารถปรับด้วยมือได้ ส่วนเบาะนั่งด้านหลังสามารถแยกพับอิสระแบบ 60:40 และพับได้เรียบสนิท ทำให้เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้อย่างมหาศาล รองรับทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขนของขนาดใหญ่หรืออุปกรณ์สำหรับกิจกรรมสันทนาการ
ประสบการณ์การขับขี่จะแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย โดยเฉพาะในรุ่น Design 67.1 kWh ที่ให้ความหรูหรามากยิ่งขึ้น ด้วยเบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ECO Leather และความพิเศษคือเบาะนั่งคู่หน้าสามารถปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง มาพร้อมระบบระบายอากาศ (Ventilation Seats) และระบบอุ่น (Heated Seats) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หาได้ยากในรถยนต์ระดับเดียวกัน และที่วางแขนเบาะนั่งด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารตอนหลังอีกด้วย
แผงประตูบุด้วยวัสดุนุ่ม และการตกแต่งด้วยโครเมียมที่ช่องแอร์ ช่วยยกระดับความพรีเมียมภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยแบบสปอร์ตสีทูโทนพร้อมสวิตช์ควบคุมบนพวงมาลัย ให้ความรู้สึกกระชับมือและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
หัวใจของความบันเทิงและข้อมูลคือจอมาตรวัด Full Digital LCD ขนาด 8.8 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ได้อย่างชัดเจน และหน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 14.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ที่คมชัดระดับสูง ในปี 2025 นี้ Leapmotor B10 ได้รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (Wireless) อย่างเต็มรูปแบบแล้ว ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับรถได้อย่างราบรื่นและเพลิดเพลินกับแอปพลิเคชันที่คุณชื่นชอบได้อย่างไม่สะดุด ระบบแผนที่นำทาง Here Map ก็พร้อมนำทางคุณไปสู่จุดหมายได้อย่างแม่นยำ พร้อมด้วยลำโพง 6 ตำแหน่ง (และ 12 ตำแหน่งในรุ่น Design) มอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและเต็มอิ่ม ช่องชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger 15W และช่องชาร์จ USB Type C 60W อีกหลายตำแหน่ง ทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณจะพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคต: สมรรถนะที่ตอบโจทย์ทุกเส้นทาง
Leapmotor B10 มาพร้อมทางเลือกขุมพลังไฟฟ้า 2 รูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองรุ่นย่อยล้วนมอบสมรรถนะที่น่าประทับใจและระยะทางวิ่งที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย ด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV ลิเธียมไอออน (LFP) จาก CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำระดับโลก มั่นใจได้ในเรื่องของความทนทานและความปลอดภัยสูงสุด
รุ่น LIFE 56.2 kWh:
มอเตอร์ไฟฟ้า: 1 ตัว
พละกำลังสูงสุด: 218 แรงม้า (HP)
แรงบิดสูงสุด: 240 นิวตันเมตร (Nm)
แบตเตอรี่: Lithium-ion (LFP) จาก CATL ขนาดความจุ 56.2 kWh
ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง (RWD – Rear-Wheel Drive)
ระยะทางวิ่งสูงสุด (NEDC): 470 กิโลเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ภายใน 8 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 170 กม./ชม.
รุ่น STYLE / DESIGN 67.1 kWh:
มอเตอร์ไฟฟ้า: 1 ตัว
พละกำลังสูงสุด: 218 แรงม้า (HP)
แรงบิดสูงสุด: 240 นิวตันเมตร (Nm)
แบตเตอรี่: Lithium-ion (LFP) จาก CATL ขนาดความจุ 67.1 kWh
ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง (RWD – Rear-Wheel Drive)
ระยะทางวิ่งสูงสุด (NEDC): 516 กิโลเมตร
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.: ภายใน 8 วินาที
ความเร็วสูงสุด: 170 กม./ชม.
ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใด คุณก็จะได้สัมผัสกับสมรรถนะที่จัดจ้าน ด้วยพละกำลัง 218 แรงม้าที่ส่งตรงจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้การเร่งแซงเป็นเรื่องง่ายและมั่นใจได้ในทุกสถานการณ์ การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า Leapmotor B10 มอบประสบการณ์ที่นุ่มนวล เงียบสงบ และไร้มลพิษ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงได้อย่างมหาศาล ทำให้ Leapmotor B10 เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
ช่วงล่างและการควบคุม: ความสมดุลที่เหนือชั้น
Leapmotor B10 ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์และขุมพลังเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบการควบคุมรถที่ดีเยี่ยมและความนุ่มนวลในการขับขี่ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ MacPherson Strut และด้านหลังแบบอิสระ 4-Links เป็นการผสมผสานที่ลงตัว ช่วยให้รถมีการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพผิว พร้อมซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การเดินทางราบรื่นและสบายตลอดเส้นทาง
การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า B10 ให้ความรู้สึกมั่นคงและตอบสนองได้ดี ทั้งในความเร็วต่ำและสูง ด้วยระยะฐานล้อที่เหมาะสมและจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำจากตำแหน่งของแบตเตอรี่ ทำให้การเข้าโค้งมีความแม่นยำและลดอาการโคลงของตัวรถได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าหลายๆ รุ่น และ B10 ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในเรื่องนี้
การชาร์จไฟฟ้า: สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคพิจารณาในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคือความสามารถในการชาร์จไฟ และ Leapmotor B10 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ระบบการชาร์จของ B10 ได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายและรวดเร็ว ตอบโจทย์โครงสร้างพื้นฐาน EV ที่กำลังเติบโตในประเทศไทย
การชาร์จกระแสสลับ (AC): รองรับสูงสุด 11 kW ซึ่งเป็นการชาร์จมาตรฐานที่บ้านหรือสถานีชาร์จสาธารณะทั่วไป การชาร์จแบบ AC เหมาะสำหรับการชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อให้แบตเตอรี่เต็มพร้อมสำหรับการเดินทางในวันถัดไป
การชาร์จกระแสตรง (DC Fast Charging):
รุ่น Life 56.2 kWh รองรับสูงสุด 140 kW
รุ่น Style/Design 67.1 kWh รองรับสูงสุด 168 kW
ด้วยการรองรับการชาร์จเร็ว DC ที่กำลังไฟสูงเช่นนี้ ทำให้ Leapmotor B10 สามารถชาร์จจาก 30% ไปยัง 80% ได้ภายในเวลาเพียง 18-20 นาที ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถแวะพักเพื่อชาร์จไฟที่สถานีชาร์จ EV และเดินทางต่อได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางวิ่งในการเดินทางไกลได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ Leapmotor B10 ยังมาพร้อมกับระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก (V2L – Vehicle-to-Load) สูงสุด 3.3 kW ฟังก์ชันนี้มีประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าเมื่อไปตั้งแคมป์ หรือใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองในยามฉุกเฉิน ทำให้รถยนต์ของคุณเป็นมากกว่าแค่ยานพาหนะ แต่ยังเป็นเหมือนแหล่งพลังงานเคลื่อนที่อเนกประสงค์อีกด้วย การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Leapmotor B10 จึงเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายในทุกสถานการณ์
ระบบความปลอดภัย: มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยี ADAS ล่าสุด
ความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญในการออกแบบรถยนต์ทุกคัน และ Leapmotor B10 ก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างสูงสุด ด้วยการติดตั้งระบบความปลอดภัยทั้งเชิงป้องกันและเชิงรับไว้อย่างครบครัน เพื่อปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกคน
ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน:
ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System), EBD (Electronic Brake-force Distribution), BA (Brake Assist)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control)
ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC (Traction Control System)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control)
ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาด BOS (Brake Override System)
ระบบสัญญาณเตือนหยุดรถฉุกเฉิน ESS (Emergency Signal System)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมฟังก์ชัน AVH (Auto Vehicle Hold)
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS – Advanced Driver-Assistance Systems):
Leapmotor B10 มาพร้อมกับระบบ ADAS ที่ทำงานร่วมกับเรดาร์ Ultrasonic 4 ตัว และเซนเซอร์ MMW 2 ตัว รวมถึงกล้องรอบคัน 360 องศา ทำให้สามารถขับขี่กึ่งอัตโนมัติระดับ L2 ได้ มอบความมั่นใจและลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ได้อย่างมาก ระบบเหล่านี้รวมถึง:
ACC (Adaptive Cruise Control): ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
LCC (Lane Centering Control) & LKA (Lane Keeping Assist): ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางเลนและรักษาช่องทางเดินรถ
ELKA (Emergency Lane Keeping Assist): ระบบควบคุมรถฉุกเฉินให้อยู่ในเลน
LDW (Lane Departure Warning): ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
FCW (Front Collision Warning) & AEB (Advanced Emergency Braking): ระบบเตือนการชนด้านหน้าและระบบเบรกอัตโนมัติ
RCW (Rear Collision Warning), RCTA (Rear Cross Traffic Alert) & RCTB (Rear Cross Traffic Braking): ระบบเตือนการชนด้านหลัง, เตือนรถตัดผ่านขณะถอยหลัง และเบรกอัตโนมัติด้านหลัง
BSD (Blind Spot Detection): ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตา
DOW (Doors Open Warning): ระบบเตือนเมื่อเปิดประตูรถ
HOD (Hands Off Detection): ระบบตรวจจับการปล่อยมือบนพวงมาลัย
ISA (Intelligent Speed Assist): ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ
DDAW (Driver Drowsiness Attention Warning) & ADDW (Advanced Driver Distraction Warning): ระบบตรวจจับและเตือนเมื่อคนขับเหนื่อยล้าหรือเสียสมาธิ
นอกจากนี้ ยังมีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านนิรภัย และกลางเบาะคู่หน้า) พร้อมด้วยเซ็นเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง ทำให้ Leapmotor B10 เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ครบครันด้านความปลอดภัยมากที่สุดในตลาด ณ ตอนนี้ การขับขี่อัจฉริยะที่มาพร้อมกับ ADAS ทำให้การเดินทางของคุณปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
รุ่นย่อยและราคา Leapmotor B10 ในประเทศไทย
Leapmotor B10 เวอร์ชั่นไทยที่นำเข้าแบบ CBU (Completely Built Up) จากประเทศจีน มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณที่หลากหลายของผู้บริโภคชาวไทย ในปี 2025 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการพิจารณาการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และ B10 ก็เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นอย่างมาก
B10 Life 56.2 kWh: ราคา 688,000 บาท
เป็นรุ่นเริ่มต้นที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยแบตเตอรี่ 56.2 kWh ระยะทางวิ่ง 470 กม. (NEDC) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมฟีเจอร์พื้นฐานที่ครบครันสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการชาร์จ DC สูงสุด 140 kW
B10 Style 67.1 kWh: ราคา 748,000 บาท
ขยับขึ้นมาอีกระดับด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น 67.1 kWh เพิ่มระยะทางวิ่งเป็น 516 กม. (NEDC) และรองรับการชาร์จ DC สูงสุด 168 kW พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายด้วยกระจกมองข้างพร้อมระบบไล่ฝ้า ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้นและฟังก์ชันเพิ่มเติมในราคาที่ยังคงน่าสนใจ
B10 Design 67.1 kWh: ราคา 788,000 บาท
รุ่นท็อปสุดที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระดับพรีเมียม เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ นอกจากแบตเตอรี่ 67.1 kWh และระยะทางวิ่ง 516 กม. แล้ว ยังมาพร้อมกระจกหน้าต่างด้านหลังแบบ Privacy Glass, กระจกมองข้างพับด้วยไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อครถ, ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor, ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ECO Leather, เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศและระบบอุ่น, ที่วางแขนเบาะนั่งด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว, และลำโพง 12 ตำแหน่ง มอบความหรูหราและความสะดวกสบายสูงสุด
สรุป: Leapmotor B10 คืออนาคตของ B-SUV EV ในไทย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่า Leapmotor B10 คือก้าวสำคัญของ Leapmotor ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทย ด้วยแพ็คเกจที่น่าสนใจทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะ ระยะทางวิ่ง เทคโนโลยีความปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดคือราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้ B10 มีศักยภาพสูงที่จะเป็นผู้เล่นหลักในกลุ่ม B-SUV EV ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในปี 2025 นี้
สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถคันแรก หรือต้องการอัปเกรดจากรถยนต์สันดาปเดิม Leapmotor B10 ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่อาจมองข้ามได้ ด้วยฟีเจอร์ที่ครบครันในราคาที่คุ้มค่า ทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เหนือกว่า มอบทั้งความประหยัด ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้กับทุกการเดินทาง
Leapmotor B10 ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตที่ยั่งยืน การเข้ามาของ B10 จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มค่า ฟังก์ชันครบครัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Leapmotor B10 คือคำตอบที่คุณกำลังตามหาอยู่ในปี 2025 นี้อย่างแน่นอนครับ
	    	
		    
