Volvo ES90: นิยามใหม่แห่งรถยนต์ไฟฟ้าซีดานหรู พร้อมก้าวสู่ยุคแห่งความยั่งยืนอย่างสมบูรณ์แบบในปี 2025
ในโลกยานยนต์ที่กำลังหมุนไปอย่างรวดเร็วสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้าและนวัตกรรมอัจฉริยะ มีเพียงไม่กี่แบรนด์ที่สามารถผสมผสานความหรูหราล้ำสมัยเข้ากับปรัชญาความยั่งยืนได้อย่างลงตัว และในปี 2025 นี้ Volvo ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Volvo ES90 รถยนต์ไฟฟ้าซีดานรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ไม่ใช่แค่เพียงพาหนะ แต่คือสุนทรียภาพแห่งการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ ที่พร้อมตอบโจทย์ผู้ที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้าหรู ที่ครบครันทั้งด้านดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุด
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมมองว่า Volvo ES90 คือการก้าวข้ามขีดจำกัดของรถซีดานไฟฟ้าทั่วไป ด้วยการนำเสนอแนวคิดใหม่ที่ผสานความสง่างามของซีดานเข้ากับความอเนกประสงค์ของ Fastback และความสูงโปร่งแบบ SUV กลายเป็นหนึ่งใน รถซีดานไฟฟ้าสุดหรู ที่น่าจับตามองที่สุดในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
การออกแบบที่สะท้อนปรัชญา “Less is More” สไตล์สแกนดิเนเวียน
Volvo ES90 ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “ความงามที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความหมาย” (Scandinavian Simplicity) ที่เน้นความสะอาดตา เส้นสายที่ไหลลื่น และสัดส่วนที่ลงตัวในทุกมิติ ดีไซน์ภายนอกของ ES90 ถือเป็นการผสมผสานศิลปะและความวิศวกรรมได้อย่างชาญฉลาด จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือการรักษาสมดุลระหว่างความสง่างามของรถซีดานพรีเมียม ความคล่องตัวแบบ Fastback และความโอ่โถงของรถยนต์ที่มีใต้ท้องยกสูงแบบ SUV สิ่งนี้ทำให้ ES90 มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากคู่แข่งในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้าหรู อย่างชัดเจน
เมื่อพิจารณาในรายละเอียด ไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของ Volvo อย่าง “Thor’s Hammer” ยังคงถูกนำมาใช้อย่างภาคภูมิ แต่ได้รับการอัปเกรดด้วย เทคโนโลยี HD Pixel ที่ประกอบด้วยหลอดไฟ LED กว่า 20,000 ดวง ซึ่งสามารถปรับการทำงานแยกกันได้อย่างอิสระ มอบทัศนวิสัยที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ขับขี่ โดยไม่รบกวนสายตาของผู้ร่วมใช้ถนน นี่คือความใส่ใจในรายละเอียดที่สะท้อนถึงปรัชญาความปลอดภัยของวอลโว่ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น
เส้นสายด้านข้างของตัวรถถูกออกแบบให้เพรียวบาง โดยมีเส้นนูนยาวสองเส้นขนานไปตามแนวประตูจากหน้าจรดท้าย เสริมให้ตัวรถดูยาวและสง่างามยิ่งขึ้น ฐานล้อที่ยาวถึง 3.1 เมตร ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร แต่ยังส่งผลต่อเสถียรภาพในการขับขี่อีกด้วย การออกแบบที่เน้นความเรียบเนียน (flush design) นี้ ไม่เพียงสร้างความมินิมอล แต่ยังช่วยลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) ให้ต่ำเพียง 0.25 ซึ่งเป็นค่าที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรถซีดานของวอลโว่ ส่งผลต่อ ประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้า ในด้านการประหยัดพลังงานและระยะทางในการขับขี่
ส่วนท้ายของรถโดดเด่นด้วยเส้นหลังคาที่ลาดลงแบบรถคูเป้ โค้งรับกับฝาท้ายสไตล์แฮทช์แบ็กที่ดูโฉบเฉี่ยว ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังเพิ่มความสะดวกในการขนย้ายสัมภาระ ไฟท้าย LED ทรงตัว C ที่โอบล้อมด้านหลังช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง ขณะที่ไฟท้ายแนวตั้งบริเวณกระจกหลังใกล้เสา D เพิ่มความทันสมัยและมอบมุมมองด้านหลังที่ดีเยี่ยมให้กับผู้ขับขี่ สีภายนอกที่มีให้เลือกถึง 5 สี ได้แก่ สีเงิน Aurora Silver, สีขาว Crystal White, สีแดงม่วง Mulberry Red, สีดำ Onyx Black และสีเทา Vapour Grey เปิดโอกาสให้เจ้าของสามารถเลือกสรรสีที่สะท้อนตัวตนได้อย่างเต็มที่
ห้องโดยสารที่รังสรรค์เป็นดุจ “สแกนดิเนเวียน แซงชัวรี่” เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในของ Volvo ES90 คุณจะพบกับอาณาจักรแห่งความเงียบสงบและความประณีตที่วอลโว่ตั้งใจรังสรรค์ขึ้น ห้องโดยสารได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อกันเสียงรบกวนจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงลม เสียงถนน หรือแม้กระทั่งเสียงมอเตอร์ไฟฟ้า ด้วยระดับเสียงที่วัดได้เพียง 68 dB(A) บริเวณที่นั่งคู่หน้า และ 70 dB(A) บริเวณที่นั่งแถวสอง ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับการสนทนาหรือฟังเพลงได้อย่างไร้การรบกวน นี่คือหัวใจสำคัญของ ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ ที่วอลโว่ต้องการมอบให้
ความใส่ใจในสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้โดยสารคือสิ่งที่ Volvo ให้ความสำคัญสูงสุด ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับ ระบบฟอกอากาศขั้นสูง ที่ได้รับการรับรองโดย Allergy Standards Limited ว่าสามารถช่วยกรองฝุ่นละอองที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้และหอบหืดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศที่คุณหายใจเข้าไปนั้นบริสุทธิ์และดีต่อสุขภาพ นี่คือคุณสมบัติที่ทำให้ ES90 เป็น รถยนต์เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี อย่างแท้จริง
เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa คุณภาพสูง ให้สัมผัสที่นุ่มนวลและหรูหรา เบาะผู้โดยสารด้านหลังมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ออกแบบมาให้ความโอ่อ่าหรูหราในสไตล์ที่นั่งชั้นธุรกิจ พร้อมที่วางมือซึ่งมาพร้อมที่วางแก้วและช่องเก็บโทรศัพท์เมื่อดึงลงมา นอกจากนี้ พนักพิงของที่นั่งโดยสารแถวหน้ายังมาพร้อมกับ ระบบนวดไฟฟ้า ที่มีจุดนวดถึง 10 จุด พร้อมโปรแกรมนวด 5 รูปแบบ ที่สามารถปรับความเร็วและความแรงได้ถึง 3 ระดับ เพื่อความผ่อนคลายสูงสุดในระหว่างการเดินทาง
สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะที่นั่งยังสามารถปรับเอนนอนได้มากถึง 28-33 องศา พร้อมระบบระบายอากาศในตัวเบาะ ช่วยให้การเดินทางไกลเป็นไปอย่างสะดวกสบายไร้กังวล และเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้โดยสารทุกคน ES90 มาพร้อมกับ ระบบปรับอากาศแยกการควบคุมแบบ 4 โซน ช่วยให้ผู้โดยสารทั้งสี่ที่นั่งสามารถตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้
การเชื่อมต่อในโลกดิจิทัลถือเป็นสิ่งจำเป็นในยุคปัจจุบัน ดังนั้น ที่นั่งโดยสารแถวหลังจึงมีพอร์ต USB-C 2 พอร์ต สำหรับการชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเชื่อมต่อกับระบบอินโฟเทนเมนต์ และเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด ฝากระโปรงท้ายควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าที่สามารถเปิดได้สูงถึงระดับหลังคารถ พร้อมด้วยเบาะผู้โดยสารแถวสองที่สามารถพับแยกกันได้อย่างอิสระในแบบ 40/20/40 เพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้อย่างกว้างขวางถึง 904 ลิตร
การตกแต่งภายในสะท้อน ดีไซน์สแกนดิเนเวียน อันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยแผงตกแต่งแดชบอร์ด ประตู และด้านหลังที่นั่งที่ทำจากวัสดุไม้จริงที่ได้รับการรับรองจาก FSC-certified ซึ่งหมายถึงการดูแลป่าไม้อย่างยั่งยืน ไม้เหล่านี้ประดับอยู่บนแผงไฟ LED สร้างบรรยากาศแสงไฟ (ambience light) ที่อบอุ่นและผ่อนคลาย นอกจากนี้ แผงตกแต่งดังกล่าวยังมีลูกเล่นเป็นลายรหัสมอร์สที่เมื่อถอดรหัสออกมาจะพบคำว่า “Volvo” เป็นความใส่ใจในรายละเอียดที่สร้างความประทับใจได้อย่างแท้จริง ไฟ LED ที่ตกแต่งภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้ใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติจากภายนอก ลดแสงสีฟ้าและการกะพริบ เพื่อลดความเมื่อยล้าของดวงตาเมื่อขับขี่ในเวลากลางคืน
และเพื่อยกระดับความสุนทรีย์ในการเดินทาง หลังคารถพาโนรามาแบบอิเล็กโทรโครมิก (electrochromic) ที่สามารถปรับความโปร่งแสงได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมปริมาณแสงที่ส่องเข้ามาในห้องโดยสารได้อย่างอิสระ มอบความรู้สึกโอ่โถงและเชื่อมโยงกับโลกภายนอกได้อย่างไร้รอยต่อ
สุดยอดประสบการณ์ทางเสียงในห้องโดยสารเกิดขึ้นได้ด้วย ระบบเสียงรถยนต์ระดับโลก จาก Bowers & Wilkins ผ่านลำโพง 25 ตัว มอบกำลังขับสูงถึง 1,610 วัตต์ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos® และโหมดเสียง Abbey Road Studios ที่จำลองบรรยากาศเสมือนอยู่ในสตูดิโอระดับตำนาน มอบมิติเสียงที่คมชัดและสมจริงอย่างน่าทึ่ง
เทคโนโลยีอัจฉริยะและการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัด
Volvo ES90 ได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์กลางของ นวัตกรรมรถยนต์แห่งอนาคต เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัล หน้าจอแสดงข้อมูลผู้ขับขี่ (driver display) ขนาด 9 นิ้ว และหน้าจอกลางขนาด 14.5 นิ้ว พร้อม Head-up Display ความคมชัดสูง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นข้อมูลที่จำเป็นและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
เพื่อประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ ES90 มาพร้อมกับ Google built-in ที่ผสานรวมบริการต่างๆ ของ Google เข้าไว้ในตัวรถ ไม่ว่าจะเป็น Google Maps สำหรับการนำทาง, Google Assistant สำหรับผู้ช่วยส่วนตัวด้วยเสียง และแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่สามารถดาวน์โหลดได้จาก Google Play นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย, Android Auto และ Android Automotive OS เพิ่มทางเลือกและความยืดหยุ่นในการใช้งาน ที่สำคัญคือ รองรับการใช้งานสัญญาณเครือข่ายระดับ 5G มอบ การเชื่อมต่อข้อมูลที่รวดเร็ว และเสถียรสำหรับทุกความต้องการ
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจคือ กุญแจแบบ Digital Key Plus ที่ช่วยให้คุณสามารถใช้ iPhone, Apple Watch หรืออุปกรณ์ Android รุ่นที่รองรับ เป็นกุญแจดิจิทัลสำหรับรถยนต์ในแอป Wallet ได้โดยไม่ต้องพกกุญแจจริง นี่คือความสะดวกสบายที่ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถยนต์ไปอีกขั้น
สำหรับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีขนาดจุได้ถึง 446 ลิตร รวมถึงช่องขนาด 16 ลิตรที่อยู่ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระ และสามารถจุได้สูงสุดถึง 904 ลิตร หากพับเบาะแถวสองลง เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านหน้า หรือ FRUNK ขนาด 27 ลิตร ซึ่งเหมาะสำหรับการจัดเก็บสายชาร์จหรือสิ่งของที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน และเพื่อให้ทุกการเปิด-ปิดประตูเป็นไปอย่างนุ่มนวล ประตูทุกบานจึงมาพร้อมระบบ soft close
ขุมพลังไฟฟ้าแห่งอนาคตและสมรรถนะที่เหนือชั้น
หัวใจหลักของ Volvo ES90 คือ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าล้ำสมัย ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว มอบกำลังสูงสุดถึง 338 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 800V Technology ขนาดความจุ 92 kWh ทำให้ ES90 สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 6.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สิ่งที่น่าประทับใจคือ ระยะทางในการขับขี่ที่ไกลถึง 755 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะทางขับขี่ที่น่าประทับใจที่สุดในตลาด ทำให้การเดินทางไกลเป็นไปได้อย่างไร้กังวล เทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800 โวลต์ใหม่ล่าสุดนี้ยังช่วยเพิ่มความเร็วในการชาร์จ และมอบ ประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้า ที่ดียิ่งขึ้นไปอีก
เพื่อ ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ และความนุ่มนวลสูงสุด Volvo ES90 มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของวอลโว่ ผสานกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม dual-chamber air suspension และช่วงล่าง Four-C active chassis ที่สามารถปรับสภาพการขับขี่ได้ถึง 500 ครั้งต่อวินาที เพื่อการดูดซับแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ เทคโนโลยี Frequency Selective Damping (FSD) ยังช่วยปรับความนุ่มหนึบของโช้คอัพตามสภาพท้องถนนแบบอัตโนมัติ ทำให้การควบคุมรถทำได้อย่างมั่นใจและมอบความสะดวกสบายสูงสุดในทุกการเดินทาง
ระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่าตามแบบฉบับ Volvo
ความปลอดภัยคือหัวใจหลักของ Volvo และ ES90 ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วย ระบบความปลอดภัยรถยนต์ขั้นสูงสุด ที่เหนือชั้นกว่าเดิม ตัวรถมาพร้อมเซ็นเซอร์ที่ล้ำสมัย ได้แก่ เรดาร์ 5 ตัว, กล้อง 7 ตัว, เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และ Lidar ที่มอบมุมมองรอบคัน 360 องศาแบบเรียลไทม์เพื่อป้องกันการชน ซึ่งถือเป็นมาตรฐานใหม่ของระบบขับขี่อัจฉริยะ
ภายในห้องโดยสารยังมี ระบบรับรู้สภาวะของคนขับ (Driver Understanding System) ซึ่งทำงานด้วยชุดเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR Sensor) 2 ตัว และพวงมาลัยแบบ capacitive โดยจะคอยมอนิเตอร์ดวงตา หนังตา ศีรษะ รวมถึงท่าทางของผู้ขับ เพื่อประเมินความพร้อมในการขับขี่ หากระบบตรวจพบว่าผู้ขับเผลอหลับหรือหมดสติในขณะขับรถ ระบบดังกล่าวจะทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อช่วยควบคุมตัวรถและป้องกันอุบัติเหตุ นี่คือฟังก์ชันที่ยกระดับ ความปลอดภัยวอลโว่ ไปอีกขั้น
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู (Door Opening Alert) ผ่านเรดาร์ที่ตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนที่มาจากด้านหลัง เช่น รถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ โดยรถจะส่งเสียงเตือนหากคนในรถกำลังจะเปิดประตูเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ นี่คือความใส่ใจในความปลอดภัยของผู้โดยสารและผู้ร่วมใช้ถนนอย่างแท้จริง
ก้าวสู่ความยั่งยืนด้วยสถาปัตยกรรมแห่งอนาคต
Volvo ES90 ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ตัวรถถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม SPA2 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมล้ำสมัยที่รองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ และยังเป็นรถรุ่นที่สองของวอลโว่ที่เป็นแบบ software-defined หรือรถที่ทำงานด้วยระบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ โดยใช้เทคโนโลยี Superset ของ Volvo Cars เช่นเดียวกับ Volvo EX90 ซึ่งประกอบด้วยชุดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เดียวกันที่เป็นพื้นฐานสำหรับรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ทั้งหมดในอนาคต
ES90 ยังเป็นรถรุ่นแรกที่สั่งงานผ่านชิปประมวลผล core computing แบบคู่ NVIDIA DRIVE AGX Orin ซึ่งสามารถประมวลผลได้มากกว่า 500 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที (TOPS) ทำให้การทำงานของระบบต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถอัปเดตประสิทธิภาพฟังก์ชันการทำงานของตัวรถให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่องด้วย ระบบการอัปเดตแบบ over-the-air (OTA) ซึ่งรับประกันว่ารถของคุณจะได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพอยู่เสมอ
ระบบอินโฟเทนเมนต์ภายในห้องโดยสารควบคุมด้วยชิปความเร็วสูง Snapdragon® Cockpit Platforms เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลและตอบสนองได้ทันใจ
ความยั่งยืนยังสะท้อนผ่านการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบสำคัญของรถ อาทิ อะลูมิเนียมรีไซเคิล 29%, เหล็กรีไซเคิล 18% และโพลีเมอร์รีไซเคิล 16% รวมถึงการใช้งานวัสดุชีวภาพอื่นๆ อีกด้วย นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า Volvo ไม่เพียงแต่สร้างรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังสร้างสรรค์อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ราคาและการวางจำหน่ายในประเทศไทย
Volvo ES90 เปิดตัวในประเทศไทยด้วยราคา 2,990,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้าหรู ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ความปลอดภัย และดีไซน์ระดับพรีเมียมเช่นนี้ ในปี 2025 นี้ Volvo ES90 พร้อมที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น
โดยสรุปแล้ว Volvo ES90 ไม่ใช่แค่เพียงรถยนต์ไฟฟ้า แต่คือนิยามใหม่ของความหรูหราที่ยั่งยืน การออกแบบที่ประณีต เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่า และสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น ล้วนทำให้ ES90 เป็นหนึ่งใน นวัตกรรมรถยนต์แห่งอนาคต ที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2025 นี้ มันคือยานยนต์ที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของวอลโว่ในการสร้างโลกที่ดีขึ้น ผ่านการเดินทางที่เปี่ยมด้วยความหมาย ความปลอดภัย และความยั่งยืนอย่างแท้จริง

