Leapmotor B10: มิติใหม่แห่งรถยนต์ไฟฟ้า B-SUV ที่พร้อมพลิกโฉมตลาดไทยปี 2025
ปี 2025 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีการแข่งขันที่เข้มข้นถึงขีดสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเมนต์ B-SUV ที่ผู้บริโภคต่างมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้งด้านราคาที่เข้าถึงได้ ประสิทธิภาพการขับขี่ที่น่าประทับใจ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยท่ามกลางตัวเลือกมากมายในตลาด ผู้เล่นหน้าใหม่และหน้าเก่าต่างงัดกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์เด่นมาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดอย่างไม่ลดละ และในสถานการณ์เช่นนี้ Leapmotor แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ภายใต้การนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการโดย PNA Group พระนครยนตรการ ผู้ได้รับสิทธิ์จำหน่ายจากกลุ่ม Stellantis ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวโมเดลที่สองที่เรียกได้ว่าเป็น “ความหวังใหม่” ที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างและสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดอย่าง Leapmotor B10 รถยนต์ไฟฟ้า B-SUV ขนาดย่อมที่มาพร้อมจุดเด่นที่น่าจับตาอย่างแท้จริง
จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมมองว่า Leapmotor B10 ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นที่เข้ามาในตลาด แต่เป็นการวางหมากที่สำคัญของ Leapmotor ในการสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในประเทศไทย หลังจากการเปิดตัว Leapmotor C10 ที่แม้จะได้รับการชื่นชมด้านช่วงล่างที่พัฒนาและปรับจูนโดยทีมวิศวกรจาก Maserati แต่ยอดขายอาจยังไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ การมาของ B10 จึงเป็นการนำเสนอทางเลือกที่แตกต่าง เน้นความคล่องตัว การใช้งานในเมือง และราคาที่ดึงดูดใจมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะจับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการ รถยนต์ไฟฟ้า B-SUV ที่คุ้มค่าและครบครันในคันเดียว
Leapmotor B10: ออกแบบมาเพื่อเมืองใหญ่และไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่
สิ่งที่โดดเด่นอย่างแรกของ Leapmotor B10 คือมิติตัวถังที่ได้รับการออกแบบมาอย่างลงตัวสำหรับสภาพการจราจรในประเทศไทย ด้วยความยาว 4,515 มิลลิเมตร กว้าง 1,885 มิลลิเมตร สูง 1,655 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร พร้อมระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่ 170 มิลลิเมตร ทำให้ B10 มีขนาดที่กะทัดรัดกว่าพี่ใหญ่อย่าง C10 (ซึ่งมีความยาว 4,739 มม. กว้าง 1,900 มม. สูง 1,680 มม. และฐานล้อ 2,825 มม.) มิติเหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ B10 มีความคล่องตัวสูง สามารถขับขี่และจอดในเมืองได้อย่างสะดวกสบาย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางเกินคาดสำหรับรถในเซกเมนต์เดียวกัน การออกแบบภายนอกยังคงเอกลักษณ์ของ Leapmotor ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่ทันสมัย ไฟหน้าและไฟท้าย LED ที่ออกแบบเป็นพิเศษให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว พร้อมล้ออัลลอย Star Sports ขนาด 18 นิ้ว ที่ช่วยเสริมบุคลิกสปอร์ตและมั่นคงบนท้องถนน การเลือกใช้ยางขนาด 225/50 R18 ยังเป็นจุดที่สมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการขับขี่และการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
ขุมพลังและประสิทธิภาพ: แรงแต่ประหยัด ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง
หัวใจหลักของ Leapmotor B10 คือระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีให้เลือกถึง 2 รูปแบบ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน:
รุ่น LIFE 56.2 kWh: มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) แบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) จาก CATL ขนาดความจุ 56.2 kWh มอบระยะทางขับขี่สูงสุด 470 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 8 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกถึงสมรรถนะที่เหลือเฟือสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในเมืองหรือการขับขี่ออกนอกเมืองเป็นครั้งคราว
รุ่น STYLE / DESIGN 67.1 kWh: สำหรับผู้ที่ต้องการระยะทางขับขี่ที่ไกลยิ่งขึ้น รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสเปกเดียวกัน (218 แรงม้า, 240 นิวตันเมตร, RWD) แต่เพิ่มขนาดแบตเตอรี่ Lithium-ion (LFP) จาก CATL เป็น 67.1 kWh ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 516 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งถือเป็นระยะทางที่น่าพอใจสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า ระยะทางไกล ในกลุ่ม B-SUV ช่วยลดความกังวลเรื่อง ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า บ่อยครั้งในการเดินทางไกล
แบตเตอรี่ LFP จาก CATL ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำระดับโลก มีข้อได้เปรียบด้านความปลอดภัย อายุการใช้งานที่ยาวนาน และความทนทานต่ออุณหภูมิที่หลากหลาย เหมาะสมอย่างยิ่งกับสภาพอากาศในประเทศไทย การเลือกใช้แบตเตอรี่ชนิดนี้ยังสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและต้นทุนการบำรุงรักษาในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ของผู้บริโภคชาวไทย
การชาร์จที่รวดเร็วและยืดหยุ่น: ก้าวข้ามข้อจำกัดของการเดินทางด้วย EV
Leapmotor B10 ยังโดดเด่นเรื่องระบบการชาร์จที่รองรับทั้งกระแสสลับ (AC) สูงสุด 11 kW ซึ่งสะดวกสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือตามสถานีชาร์จสาธารณะทั่วไป และกระแสตรง (DC) ที่รองรับสูงสุด 140 kW สำหรับรุ่น 56.2 kWh และ 168 kW สำหรับรุ่น 67.1 kWh ความสามารถในการ ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แบบ DC Fast Charging ได้อย่างรวดเร็วเป็นจุดแข็งสำคัญ โดยสามารถชาร์จจาก 30-80% ได้ภายในเวลาเพียง 18-20 นาที นี่หมายถึงการหยุดพักเพื่อชาร์จที่ใช้เวลาไม่นานไปกว่าการแวะพักเข้าห้องน้ำหรือซื้อกาแฟ ทำให้การเดินทางไกลด้วย EV เป็นเรื่องที่สะดวกสบายและไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาอีกต่อไป นอกจากนี้ ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L (Vehicle-to-Load) สูงสุด 3.3 kW ยังเป็นฟังก์ชันที่เพิ่มความอเนกประสงค์ให้กับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง เครื่องมือช่าง หรือแม้กระทั่งเป็นแหล่งพลังงานสำรองในกรณีฉุกเฉิน
ช่วงล่างอิสระ: ผสมผสานความนุ่มนวลและเสถียรภาพ
สำหรับระบบช่วงล่าง Leapmotor B10 มาพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ MacPherson Strut และด้านหลังแบบอิสระ 4-Links ซึ่งเป็นชุดช่วงล่างที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามอบความสมดุลที่ดีเยี่ยมระหว่างความนุ่มนวลในการซับแรงกระแทกและความมั่นคงในการขับขี่ ช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนสภาพถนนที่หลากหลายในเมือง หรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วบนถนนหลวง การปรับจูนช่วงล่างอย่างพิถีพิถันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ Leapmotor B10 มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจและปลอดภัย
ภายในห้องโดยสาร: สัมผัสแห่งความพรีเมียมและความล้ำสมัย
ก้าวเข้ามาภายใน Leapmotor B10 คุณจะพบกับห้องโดยสารที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบความสะดวกสบายและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ:
หลังคากระจก Panoramic Roof แบบ Fixed พร้อมม่านบังแดดไฟฟ้า: ช่วยให้ห้องโดยสารโปร่งโล่ง รับแสงธรรมชาติ เพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินทาง
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมระบบกรองฝุ่น PM 2.5: มั่นใจได้ถึงคุณภาพอากาศที่ดีเยี่ยมภายในห้องโดยสาร
เบาะนั่งโครงสร้าง 7 ชั้น OEKO-TEX Certification: การันตีคุณภาพวัสดุ ปลอดภัยต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มอบความสบายสูงสุดในการเดินทาง
เทคโนโลยีเชื่อมต่อครบครัน: จอมาตรวัด Full Digital LCD ขนาด 8.8 นิ้ว และหน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 14.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ให้ภาพคมชัด พร้อมรองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย (Wireless) ที่จะเริ่มใช้งานได้ภายในเดือนธันวาคม 2025 และระบบแผนที่นำทาง Here Map
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก: ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger 15W), ช่องชาร์จ USB Type C 60W, ระบบกุญแจ Bluetooth และ NFC Card เพิ่มความสะดวกสบายในทุกการใช้งาน
ในรุ่นย่อยที่สูงขึ้นอย่าง Style และ Design ยังมีการเพิ่มฟังก์ชันและวัสดุที่ยกระดับความหรูหราและความสะดวกสบาย อาทิ กระจกมองข้างพร้อมระบบไล่ฝ้า, กระจกหน้าต่างด้านหลังแบบ Privacy Glass, กระจกมองข้างพับด้วยไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อครถ, ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ปรับได้ 64 สี, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ Rain Sensor, ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ECO Leather, เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศ (Ventilation Seats) และระบบอุ่น (Heated Seats) รวมถึงลำโพง 12 ตำแหน่ง (ในรุ่น Design) ที่มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่ดื่มด่ำ การเพิ่มฟังก์ชันเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือก Leapmotor B10 ได้ตรงกับไลฟ์สไตล์และความต้องการด้านความสะดวกสบายได้อย่างแท้จริง
ระบบความปลอดภัย ADAS ขั้นสูง: มั่นใจทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคต
Leapmotor B10 ไม่เพียงแค่เน้นความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ แต่ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัย ด้วยชุดระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ที่เทียบเท่ากับรถยนต์ระดับพรีเมียม:
ระบบควบคุมเสถียรภาพครบครัน: ABS, EBD, BA, VDC (Vehicle Dynamic Control), TRC (Traction Control System), HDC (Hill Descent Control), HHC (Hill Hold Control) และ BOS (Brake Override System) ช่วยให้รถมีเสถียรภาพสูงสุดในทุกสถานการณ์
ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ L2: มาพร้อมเรดาร์ Ultrasonic 4 ตัว และเซนเซอร์ MMW 2 ตัว ทำงานร่วมกันเพื่อมอบฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่อันชาญฉลาด เช่น ACC (Adaptive Cruise Control), LCC (Lane Centering Control), LKA (Lane Keeping Assist), ELKA (Emergency Lane Keeping Assist), LDW (Lane Departure Warning) ที่ช่วยให้การเดินทางไกลสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ระบบเตือนและป้องกันการชน: FCW (Front Collision Warning), RCW (Rear Collision Warning), DOW (Doors Open Warning), BSD (Blind Spot Detection), AEB (Advanced Emergency Braking) ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ระบบช่วยเหลือการขับขี่อื่นๆ: HOD (Hands Off Detection), RCTA (Rear Cross Traffic Alert), RCTB (Rear Cross Traffic Braking), ISA (Intelligent Speed Assist), DDAW (Driver Drowsiness Attention Warning) และ ADDW (Advanced Driver Distraction Warning) ช่วยเพิ่มความตระหนักและลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง: (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-กลางเบาะคู่หน้า) มอบการปกป้องรอบด้านแก่ผู้โดยสาร
กล้องรอบคัน 360 องศา และเซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง: ช่วยให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย
ชุด ระบบ ADAS รถยนต์ไฟฟ้า ที่ครบครันนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Leapmotor ในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ปลอดภัยและเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญในการแข่งขันในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า 2025
ราคาและตำแหน่งทางการตลาด: คู่แข่งที่น่าจับตาในเซกเมนต์ B-SUV EV
Leapmotor B10 เวอร์ชั่นไทย (นำเข้า CBU จากจีน) มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ด้วยราคาที่น่าสนใจ:
B10 Life 56.2 kWh: 688,000 บาท
B10 Style 67.1 kWh: 748,000 บาท
B10 Design 67.1 kWh: 788,000 บาท
ด้วยราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้และออปชั่นที่หลากหลาย ทำให้ Leapmotor B10 กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในกลุ่ม รถยนต์ไฟฟ้า B-SUV ราคาดี การวางราคาเชิงรุกนี้เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า Leapmotor ต้องการช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งเดิมและดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่มองหา รถยนต์ไฟฟ้า ราคาประหยัด แต่ยังคงได้รับเทคโนโลยีและประสิทธิภาพที่คุ้มค่าสูงสุด เมื่อพิจารณาจากฟีเจอร์เด่น ทั้งสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้า ระยะทางขับขี่ ระบบความปลอดภัย ADAS และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องโดยสาร ผมมองว่า Leapmotor B10 มี Value Proposition ที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพที่จะสร้างแรงกระเพื่อมในตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในเมือง และ รถยนต์ไฟฟ้า สำหรับครอบครัว ขนาดเล็กในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
บทสรุป: ความหวังใหม่ที่พร้อมขับเคลื่อนตลาด EV ไทย
Leapmotor B10 ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเสริมทัพผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ รถยนต์ไฟฟ้า ในเซกเมนต์ B-SUV อย่างแท้จริง ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย สมรรถนะที่เร้าใจ ระยะทางขับขี่ที่น่าพอใจ เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน และราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ B10 มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถยนต์ไฟฟ้า คุ้มค่า ในปี 2025
การเข้ามาของ Leapmotor B10 เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังมองหา เทคโนโลยี รถยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ผมเชื่อมั่นว่า Leapmotor B10 จะสามารถพิสูจน์ตัวเองและเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และเป็นตัวเลือกที่ประสบความสำเร็จในการมอบประสบการณ์ EV ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน

