BMW i7 โฉมใหม่ 2025: ปฏิวัติประสบการณ์ซีดานไฟฟ้าหรูแห่งอนาคต ด้วยพิสัย 625 กม. และนวัตกรรมเหนือระดับ
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ปี 2025 นี้ ไม่ใช่แค่เพียงปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน แต่เป็นปีที่ความคาดหวังต่อ “รถยนต์ไฟฟ้าหรู” ได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น และแน่นอนว่า BMW i7 คือหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าที่ไม่ได้เพียงแค่ตามเทรนด์ แต่กำลังกำหนดทิศทางของอนาคตยานยนต์อย่างแท้จริง
BMW i7 ใหม่ ไม่ใช่แค่รถยนต์ซีดานพลังงานไฟฟ้า แต่เป็นผลลัพธ์ของการหลอมรวมปรัชญา “FORWARDISM” เข้ากับวิศวกรรมยานยนต์ขั้นสูงสุด มันคือการนำเสนอประสบการณ์การเดินทางที่ไร้รอยต่อระหว่างความหรูหรา ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมดิจิทัลที่ก้าวล้ำ ตอบโจทย์ทั้งผู้ขับขี่ที่ต้องการความสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW และผู้โดยสารที่แสวงหาความสะดวกสบายสูงสุด ด้วยพิสัยการขับขี่ที่น่าประทับใจถึง 625 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ทำให้หมดกังวลเรื่องระยะทาง และพร้อมพาคุณไปสัมผัสอนาคตได้แล้ววันนี้ในตลาดประเทศไทย
สุนทรียภาพแห่งความหรูหราที่มองเห็น: ดีไซน์ภายนอก BMW i7 ที่เป็นเอกลักษณ์
จากประสบการณ์ของผม การออกแบบภายนอกของ รถ EV พรีเมียม ไม่ได้เป็นเพียงแค่เปลือกนอกที่สวยงาม แต่ต้องสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ เทคโนโลยี และสถานะของผู้ครอบครองได้อย่างชัดเจน และ BMW i7 ก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันคือผลงานศิลปะที่ผสมผสานความคลาสสิกของ BMW เข้ากับความล้ำสมัยของยานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว
สิ่งที่ดึงดูดสายตาได้ทันทีคือชุดไฟหน้า Adaptive LED พร้อมระบบปรับองศาตามการเข้าโค้ง ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน แต่ไฮไลท์ที่แท้จริงคือ “Iconic Glow” ไฟหน้าคริสตัล Swarovski ที่ประดับด้วย LED 22 ดวง ส่องสว่างประกายราวอัญมณีจากด้านหลัง ผสานกับกระจังหน้าไตคู่เรืองแสงอันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ที่ยิ่งตอกย้ำถึงความโดดเด่นและสถานะที่เหนือกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความงดงาม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของ “ประสบการณ์การต้อนรับ” ที่น่าประทับใจ เมื่อคุณก้าวเข้าใกล้ตัวรถ ลำแสงกราฟิกจะเต้นระยิบระยับจากกระจังหน้าไปสู่ไฟคริสตัล และส่องสว่างพื้นที่โดยรอบ สร้างความรู้สึกพิเศษตั้งแต่แรกเห็น
เส้นสายภายนอกถูกออกแบบมาอย่างประณีต ตัวถังด้านหลังเน้นการออกแบบแนวนอนที่ให้ความรู้สึกโอ่อ่าและทรงพลัง พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียมที่เสริมความสง่างามระดับสูงสุด ไฟท้ายรูปตัว ‘L’ ดีไซน์ใหม่ มาพร้อมรูปทรงเรขาคณิตแบบกระจกที่ช่วยเพิ่มมิติและความคมชัด เมื่อมองจากด้านหลังจะสัมผัสได้ถึงความกว้างขวางและความมั่นคงที่โดดเด่น
สำหรับรุ่น BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso มาพร้อมล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว ตกแต่งสี Titanium Bronze ขัดเงาลายสามมิติ ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่งบอกถึงความพิเศษและความเอาใจใส่ในทุกองค์ประกอบ ขณะที่รุ่น M Sport และ M Sport (First Edition) มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 21 นิ้ว แบบสลับสี ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเสริมความสปอร์ตและหรูหราได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) และระบบเปิด-ปิดประตูอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น M Sport และ Gran Lusso) ยังมอบความสะดวกสบายและประสบการณ์การใช้งานที่ไร้ที่ติ ยืนยันถึงการเป็น นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 2025 ที่แท้จริง
ห้องโดยสารที่รังสรรค์เพื่อประสบการณ์สูงสุด: ดีไซน์ภายใน BMW i7 และเทคโนโลยีดิจิทัลสุดล้ำ
ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสารของ BMW i7 คุณจะพบกับอาณาจักรแห่งความหรูหราที่ผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับงานฝีมือระดับปรมาจารย์ได้อย่างไร้รอยต่อ ผมกล้าพูดได้ว่านี่คือ “ห้องโดยสารสุดหรู” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารก็สามารถดื่มด่ำกับความสะดวกสบายสูงสุด
เบาะนั่งมัลติฟังก์ชันหุ้มด้วยวัสดุคุณภาพสูงสำหรับทุกตำแหน่ง นอกจากการปรับไฟฟ้าที่ครอบคลุมแล้ว ยังมาพร้อมฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงระบบอุ่นเบาะและระบบระบายอากาศสำหรับทุกที่นั่ง เพื่อให้คุณได้รับความสบายในทุกสภาพอากาศ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 4 โซน พร้อมการกรองอากาศขั้นสูง ช่วยให้มั่นใจว่าอากาศภายในห้องโดยสารจะบริสุทธิ์และสดชื่นอยู่เสมอ วัสดุบุหลังคา M Alcantara และการตกแต่งภายในด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ถักด้วยสีเงินแบบ M ตัดกับคอนโซลกลางสีดำเงาแบบ Piano Finish Black ยิ่งขับเน้นบรรยากาศความหรูหราทันสมัย
จุดเด่นสำคัญคือการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างไร้ที่ติ ระบบ BMW Live Cockpit Professional และ BMW ConnectedDrive ทำหน้าที่เชื่อมโยงรถยนต์เข้ากับโลกภายนอกได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบระยะไกลผ่าน Telematics Service หรือการเข้าถึงข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความบันเทิงที่ครบครัน
หลังคากระจกพาโนรามา ‘Sky Lounge’ ดีไซน์ใหม่ มอบความรู้สึกโอ่อ่า กว้างขวาง และพิเศษยิ่งขึ้นด้วยเส้นแสง LED อัจฉริยะที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้หรูหราได้ตามต้องการ
แต่สิ่งที่ทำให้ BMW i7 เหนือกว่าคู่แข่งอย่างแท้จริงคือการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เพลิดเพลิน ระบบ ‘My Modes’ ใหม่ และระบบปฏิบัติการ BMW iDrive รุ่นล่าสุด ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับโหมดการขับขี่และบรรยากาศภายในรถได้ตามใจชอบ พร้อมด้วยจอแสดงผลดิจิทัลแบบโค้ง BMW Curved Display, แถบ BMW Interaction Bar ที่ตอบสนองการสัมผัส, BMW Intelligent Personal Assistant ที่พัฒนาไปอีกขั้น, หน้าจอ BMW Head-up Display และฟังก์ชัน Augmented View ที่แสดงข้อมูลสำคัญบนจอหลังพวงมาลัยได้อย่างชัดเจน ช่วยให้การสื่อสารระหว่างคนกับรถเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และเมื่อพูดถึงประสบการณ์ผู้โดยสารตอนหลัง นั่นคือมิติใหม่ของความหรูหรา ด้วย BMW Theatre Screen จอพาโนรามาขนาดใหญ่ถึง 31.3 นิ้ว ในสัดส่วน 32:9 และความละเอียดระดับ 8K ที่ทอดยาวลงมาจากหลังคา นี่ไม่ใช่แค่จอภาพ แต่เป็นการเปลี่ยนห้องโดยสารด้านหลังให้กลายเป็น “โรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ส่วนตัว” สุดพิเศษ คุณสามารถปรับเบาะนั่งให้เป็นเลาจน์ส่วนตัว และเลือกโปรแกรมความบันเทิงจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหลากหลาย นี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้บริหารหรือผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุดในการเดินทางในปี 2025 อย่างแท้จริง
เสริมด้วยระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond ที่มอบสุนทรียศาสตร์แห่งเสียงระดับสตูดิโอ ด้วยลำโพงมากถึง 39 ตัว ให้กำลังขับ 1,965 วัตต์ ทำให้ทุกเสียงเพลงและทุกบทสนทนาจากภาพยนตร์คมชัดและสมจริง นี่คือการดื่มด่ำกับเสียงที่ดีที่สุดในทุกตำแหน่งภายในรถยนต์ และเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ BMW i7 ยังมาพร้อมระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ BMW IconicSounds Electric ที่รังสรรค์โดย Hans Zimmer นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ระดับโลก ให้เสียงการเดินรถที่กระตุ้นอารมณ์ในทุกโหมดการขับขี่
พลังงานบริสุทธิ์เพื่อการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร: ประสิทธิภาพและไดนามิกของ BMW i7
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอยืนยันว่า ประสิทธิภาพรถยนต์ไฟฟ้า ของ BMW i7 นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ารถยนต์สันดาปภายในระดับเรือธงรุ่นใดๆ มันคือการผสานพลังงานบริสุทธิ์เข้ากับเอกลักษณ์การขับขี่ของ BMW ได้อย่างลงตัว
หัวใจหลักของ BMW i7 คือขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ให้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 400 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 544 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลถึง 745 นิวตันเมตรที่มาทันทีในทุกรอบความเร็ว ด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive และเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วจาก BMW iX ทำให้ BMW i7 สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.7 วินาที ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับซีดานขนาดใหญ่เช่นนี้ และความเร็วสูงสุดที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็เพียงพอต่อทุกการเดินทาง
สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือแบตเตอรี่แรงดันสูงขนาด 105.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ติดตั้งอยู่ใต้พื้นตัวถังอย่างชาญฉลาด การออกแบบนี้ไม่เพียงช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงของรถเพื่อเสถียรภาพการขับขี่ที่ดีขึ้น แต่ยังส่งผลให้ ระยะทางขับขี่ EV ที่น่าทึ่งถึง 625 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ทำให้คุณหมดความกังวลเรื่อง “range anxiety” และสามารถวางแผนการเดินทางระยะไกลได้อย่างสบายใจยิ่งขึ้น การบริโภคพลังงานไฟฟ้าที่ 19.6-18.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร ถือเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมสำหรับรถยนต์ในระดับเดียวกัน
ประสบการณ์การขับขี่ของ i7 ไม่ได้มีแค่ความเร็ว แต่ยังรวมถึงความนุ่มนวลและเสถียรภาพชั้นเลิศ ด้วยช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติที่ติดตั้งมาในทุกรุ่นย่อย และในรุ่น Gran Lusso ยังมาพร้อมระบบควบคุมช่วงล่าง Executive Drive Pro ที่ช่วยปรับการทำงานของช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการขับขี่ เพื่อมอบความสบายสูงสุดแก่ผู้โดยสารและประสิทธิภาพการควบคุมที่เฉียบคม
นอกจากนี้ ระบบช่วยการขับขี่รุ่น Professional ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go ช่วยลดภาระการขับขี่ในสภาพการจราจรที่หนาแน่น ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ทำให้การควบคุมทิศทางเป็นไปอย่างง่ายดายและแม่นยำยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือการถอยจอดในพื้นที่จำกัด นี่คือ เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ที่ยกระดับความสะดวกสบายและความปลอดภัยไปพร้อมกัน
อุ่นใจในทุกเส้นทาง: ระบบความปลอดภัยและแพ็คเกจบำรุงรักษา
BMW i7 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความหรูหราและสมรรถนะ แต่ยังเป็นปราการที่แข็งแกร่งในการปกป้องผู้โดยสารทุกคน อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor), ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection), ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง (Acoustic Pedestrian Protection) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนเดินถนน, ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC), ระบบเบรก ABS และระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) ที่ทำงานได้อย่างแม่นยำ ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อมอบความอุ่นใจสูงสุดในทุกการเดินทาง
ในด้านการเป็นเจ้าของ สำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า การบำรุงรักษาและการรับประกันเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ BMW i7 มาพร้อมกับโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) Standard สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งครอบคลุมแพ็คเกจการรับประกันนานสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และบริการดูแลบำรุงรักษาสูงสุด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทางเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันไฟสูงและอุปกรณ์ร่วมเป็นระยะเวลานานถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน) ทำให้คุณมั่นใจได้ถึงความคุ้มค่าและความอุ่นใจในระยะยาว
การเข้ารับบริการของรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกกำหนดทุก 24 เดือน โดยครอบคลุมรายการสำคัญต่างๆ เช่น บริการตรวจเช็ครถ, เปลี่ยนไมโครฟิลเตอร์, เปลี่ยนน้ำมันเบรก, ชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงหลังการบริการ (สูงสุด 75%-80%), เปลี่ยนใบปัดน้ำฝน (ปีละหนึ่งครั้ง) รวมถึงการเปลี่ยนชุดเบรกหน้าและหลัง 1 ชุด พร้อมผ้าเบรกและจานเบรก (กำหนดการเปลี่ยนไม่ขึ้นอยู่กับระยะทาง) นี่คือแพ็คเกจที่ครอบคลุมและเข้าใจความต้องการของเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างลึกซึ้ง
สิทธิพิเศษแห่งการครอบครอง: สีสันและการปรับแต่ง BMW i7
BMW i7 ยังเสนอทางเลือกในการปรับแต่งที่หลากหลาย เพื่อให้รถของคุณสะท้อนบุคลิกและความเป็นตัวตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในรุ่น BMW i7 xDrive60 M Sport (First Edition) จะมีเฉพาะสีดำ Black Sapphire Metallic ที่ดูเรียบหรูและทรงพลัง ส่วน BMW i7 xDrive60 M Sport มีให้เลือกถึง 8 สีตัวถัง ตั้งแต่สีคลาสสิกอย่าง Black Sapphire Metallic และ Mineral White Metallic ไปจนถึงสีที่ทันสมัยอย่าง Oxide Grey Metallic และ Brooklyn Grey Metallic รวมถึงสีพิเศษอย่าง Aventurine Red Metallic และ Tanzanite Blue Metallic
สำหรับรุ่นท็อป BMW i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ลูกค้าสามารถเลือกสีตัวถังแบบทูโทนที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีสีหลังคาให้เลือก 2 สี คือ Black Sapphire Metallic และ Oxide Grey Metallic และสามารถจับคู่กับสีตัวถังหลักได้อีก 5 สี เช่น Black Sapphire Metallic, Oxide Grey Metallic, Aventurine Red Metallic, Tanzanite Blue Metallic และ Dravit Grey Metallic การเลือกสีแบบทูโทนนี้เองที่ช่วยให้ i7 โดดเด่นและบ่งบอกถึงรสนิยมอันเหนือระดับของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
บทบาทของ BMW i7 ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูปี 2025
สำหรับปี 2025 ที่ตลาด รถยนต์ไฟฟ้า มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง BMW i7 ได้เข้ามาเติมเต็มช่องว่างในเซกเมนต์ ซีดานพรีเมียมไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอแพ็คเกจที่ครบครัน ทั้งด้านดีไซน์ที่หรูหรา นวัตกรรมภายในห้องโดยสารที่เหนือชั้น สมรรถนะที่เร้าใจ และพิสัยการขับขี่ที่เชื่อถือได้ สิ่งนี้ทำให้ i7 กลายเป็นตัวเลือกที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่าง Mercedes-Benz EQS หรือแม้กระทั่งแบรนด์ใหม่ๆ ที่เน้นเทคโนโลยี การที่ BMW ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นนำเสนอแนวคิด “Power of Choice” ด้วยการเตรียมเปิดตัว BMW 7 Series Plug-in Hybrid รุ่นประกอบในประเทศในปีนี้ ยิ่งตอกย้ำถึงความเข้าใจในความต้องการที่หลากหลายของตลาดและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของแบรนด์
BMW i7 ไม่ได้เป็นเพียงรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ แต่มันคือก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของยานยนต์หรู มันคือมาตรฐานใหม่ที่ถูกกำหนดขึ้นจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้ขับขี่และผู้โดยสารยุคใหม่ ที่มองหามากกว่าแค่การเดินทาง แต่คือ “ประสบการณ์” ที่ครบวงจร ตั้งแต่ดีไซน์ที่สะกดทุกสายตา ห้องโดยสารที่เปรียบเสมือนเลาจน์เคลื่อนที่ ไปจนถึงพละกำลังที่ไร้การปล่อยมลพิษ
ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งยานยนต์ไฟฟ้าสุดหรูไปกับ BMW i7
BMW i7 คือบทสรุปของความเป็นเลิศทางวิศวกรรม นวัตกรรมดิจิทัล และความหรูหราที่ไร้ขีดจำกัด มันคือการนิยามใหม่ของซีดานหรูในยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า และเป็นข้อพิสูจน์ว่า รถ EV หรู สามารถมอบทั้งสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ความสะดวกสบายระดับสูงสุด และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไปพร้อมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่มองหาประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า พร้อมสัมผัสอนาคตของยานยนต์ที่เต็มไปด้วยความสง่างามและนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือการเดินทางไกลที่ต้องการความพิเศษในทุกช่วงเวลา BMW i7 ราคา และรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมด พร้อมให้คุณค้นพบแล้วที่ผู้จำหน่าย BMW อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
อย่ารอช้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ยานยนต์ยุคใหม่ – สัมผัส BMW i7 และเปิดประตูสู่ประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตที่ไม่มีวันสิ้นสุดได้แล้ววันนี้!

