Maserati GranTurismo 2025: การปฏิวัติ Grand Tourer แห่งยุคใหม่ – วิสัยทัศน์ที่เหนือกว่าและสมรรถนะระดับโลก
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์หรูมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของรถยนต์ Grand Tourer มามากมาย แต่ไม่มีครั้งใดที่น่าตื่นเต้นและสร้างความประทับใจได้เท่ากับการกลับมาของ Maserati GranTurismo ในปี 2025 นี้ นี่ไม่ใช่แค่การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ หากแต่เป็นการประกาศจุดยืนครั้งสำคัญของมาเซราติ ในการก้าวเข้าสู่ยุคสมัยแห่งอนาคต โดยยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งความหรูหรา สมรรถนะ และงานฝีมืออันประณีตตามแบบฉบับอิตาเลียนไว้ได้อย่างครบถ้วน
Maserati GranTurismo โฉมใหม่ได้นิยามคำว่า “Grand Tourer” ขึ้นมาอีกครั้ง โดยผสมผสานขีดสุดของสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลได้อย่างไร้รอยต่อ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือการนำเสนอทางเลือกแห่งอนาคตด้วยระบบขับเคลื่อนสองรูปแบบ ทั้งขุมพลังสันดาปภายในอันทรงพลัง และนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ก้าวล้ำหน้าที่สุดในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรู การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีที่เหนือชั้น และปรัชญา “zero compromise” คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ GranTurismo 2025 ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่คือผลงานศิลปะที่ขับเคลื่อนได้ และเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์พรีเมียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หรูหราและการขับขี่อันเร้าใจ
มรดกที่คงอยู่ สู่การตีความใหม่สำหรับปี 2025: งานดีไซน์อันเป็นอมตะ
75 ปีที่แล้ว Maserati A6 1500 ได้ถือกำเนิดขึ้นและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ Grand Tourer นับจากวันนั้น มาเซราติได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่งดงามและเปี่ยมด้วยสมรรถนะ มาจนถึง GranTurismo โฉมใหม่นี้ ที่ยังคงรักษา DNA อันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน แต่ถูกนำมาตีความใหม่ให้ทันสมัยและเข้ากับบริบทของปี 2025 อย่างลงตัว
สิ่งแรกที่สะกดสายตาเมื่อได้เห็น Maserati GranTurismo คือรูปลักษณ์ที่สง่างามและโดดเด่นไม่ซ้ำใคร เส้นสายที่เรียบง่ายแต่ชัดเจน พลิ้วไหวแต่ทรงพลัง สะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบที่ผสมผสานความงามเข้ากับประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน ฝากระโปรงหน้าทรงยาวอันเป็นเอกลักษณ์ ตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้งสี่ และหลังคาที่ลาดต่ำจรดด้านหลัง ล้วนเป็นสัดส่วนที่คลาสสิกของรถยนต์ GT ที่ถูกปรับปรุงให้ดูปราดเปรียวและทันสมัยยิ่งขึ้น โลโก้ตรีศูลอันเป็นสัญลักษณ์ของมาเซราติที่ประดับอยู่บนเสาซี ยิ่งตอกย้ำถึงความภาคภูมิใจในมรดกอันยาวนานของแบรนด์นี้
ดีไซน์ของ GranTurismo ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสวยงามภายนอก แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงวิศวกรรมที่คำนึงถึงทุกรายละเอียด จาก Maserati Innovation Lab สู่สายการผลิตที่โรงงาน Mirafiori ในเมืองตูริน ประเทศอิตาลี ทุกชิ้นส่วนถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความพิถีพิถัน สะท้อนถึงแนวคิด “ความหรูหราและสมรรถนะแบบอิตาเลียน” ที่มาเซราติยึดมั่น การออกแบบภายนอกยังคงประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ดีที่สุดในเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นความเสถียรที่ความเร็วสูง หรือการควบคุมที่เฉียบคมในทุกโค้ง ทำให้ GranTurismo ไม่ได้เป็นเพียงแค่รถที่สวยงาม แต่ยังเป็นรถที่ขับขี่ได้อย่างเร้าใจและมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำในทุกการเดินทาง นี่คือความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบที่สั่งสมมานาน และถูกนำเสนอออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับตลาดรถยนต์พรีเมียมแห่งปี 2025
ขุมพลังสองขั้ว: สันดาปภายในอันเร้าใจและนวัตกรรมไฟฟ้า 100%
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ Maserati GranTurismo 2025 เป็นที่จับตามองคือการนำเสนอทางเลือกของระบบขับเคลื่อนที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้ขับขี่ในปัจจุบันได้อย่างชาญฉลาด มาเซราติเข้าใจดีว่ายังมีกลุ่มผู้ที่หลงใหลในเสียงคำรามของเครื่องยนต์สันดาป ในขณะที่อีกกลุ่มกำลังมองหาอนาคตแห่งการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงไว้ซึ่งสมรรถนะอันเป็นเลิศ
ขุมพลัง V6 Nettuno: วิศวกรรมอันล้ำเลิศสำหรับผู้ที่หลงใหลในเสียงเครื่องยนต์
สำหรับผู้ที่ยังคงยึดมั่นในมนต์เสน่ห์ของเครื่องยนต์สันดาปภายใน GranTurismo มาพร้อมกับขุมพลังเบนซิน V6 สูบ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ “Nettuno” ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงนวัตกรรมและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม เครื่องยนต์ Nettuno มาพร้อมเทคโนโลยี Pre-Chamber Combustion ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของมาเซราติ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีในสนามแข่ง ทำให้ได้ประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่เหนือกว่าและตอบสนองได้ทันใจ
GranTurismo Modena: มาพร้อมพละกำลัง 490 แรงม้า ซึ่งเพียงพอสำหรับการขับขี่ที่สนุกสนานและสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน และการเดินทางไกลที่เปี่ยมด้วยสไตล์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหรา ควบคู่ไปกับสมรรถนะที่น่าประทับใจ
GranTurismo Trofeo: สำหรับผู้ที่ต้องการขีดสุดของสมรรถนะ รุ่น Trofeo ได้รับการอัพเกรดเพิ่มพละกำลังเป็น 550 แรงม้า ด้วยแรงม้าที่สูงขึ้น แรงบิดที่มหาศาล และการปรับจูนที่เฉียบคม ทำให้ Trofeo เป็นรถสปอร์ต GT ที่พร้อมปลดปล่อยความเร็วและอะดรีนาลีนในทุกเส้นทาง เสียงคำรามอันดุดันของเครื่องยนต์ V6 Nettuno ในรุ่น Trofeo จะยังคงเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่นักขับขี่รถสปอร์ตตัวจริงโหยหาในยุค 2025 นี้
GranTurismo Folgore: อนาคตแห่งสมรรถนะไฟฟ้า 100%
นี่คือก้าวที่สำคัญที่สุดของมาเซราติ GranTurismo Folgore ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่เป็น “สุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า 100%” ที่พร้อมจะ redefine คำว่า “high-performance EV” ในตลาดรถยนต์พรีเมียมของปี 2025 Folgore เป็นมาเซราติรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการก้าวสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าโดยไม่ทิ้งปรัชญาด้านสมรรถนะ
ขุมพลังไฟฟ้า: Folgore ส่งกำลังผ่านมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า 300 kW จำนวน 3 ตัว (หนึ่งตัวที่เพลาหน้า และอีกสองตัวที่เพลาหลัง) มอบพละกำลังรวมสูงสุดถึง 760 แรงม้า (หรือ 560 kW) ที่ส่งลงสู่ล้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ GranTurismo Folgore สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตกตะลึง
เทคโนโลยี 800V: หัวใจสำคัญของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าคือการใช้สถาปัตยกรรม 800 โวลต์ ซึ่งได้รับพื้นฐานมาจากเทคโนโลยีของรถแข่ง Formula E เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การชาร์จแบตเตอรี่ทำได้รวดเร็วเป็นพิเศษ แต่ยังช่วยให้สามารถรักษาสมรรถนะสูงสุดได้อย่างต่อเนื่องแม้ในการขับขี่ที่หนักหน่วง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง
แบตเตอรี่แบบ “T-bone”: นวัตกรรมในการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ “T-bone” ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Folgore ยังคงรักษาความสมดุลและจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำได้อย่างน่าทึ่ง แบตเตอรี่ความจุ 92.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมงถูกจัดวางไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถ แทนที่จะติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ซึ่งมักเป็นวิธีการทั่วไป การออกแบบนี้ไม่เพียงช่วยให้ตัวรถมีความสูงเพียง 1,353 มม. ซึ่งเอื้อต่อการออกแบบที่ปราดเปรียว แต่ยังส่งผลดีต่อบาลานซ์ของรถและการควบคุมที่เฉียบคมตามแบบฉบับมาเซราติ เป็นการพิสูจน์ปรัชญา “zero compromise” ที่แท้จริง
Maserati GranTurismo Folgore ไม่เพียงแต่เร็วและแรง แต่ยังได้รับการพัฒนาเพื่อมอบประสบการณ์ “all-round sound experience” แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า วิศวกรของมาเซราติได้รังสรรค์เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้ามาเซราติขึ้นมา เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารยังคงรู้สึกถึง “จิตวิญญาณ” ของมาเซราติ แม้จะไร้เสียงเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งเป็นจุดที่มาเซราติก้าวไปไกลกว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรูรายอื่น ๆ
วิศวกรรมล้ำสมัย: เบื้องหลังความเหนือชั้นของ Grand Tourer 2025
ความสำเร็จของ Maserati GranTurismo ไม่ได้มาจากแค่ดีไซน์อันงดงามหรือขุมพลังอันทรงประสิทธิภาพเท่านั้น หากแต่เป็นผลลัพธ์ของนวัตกรรมทางวิศวกรรมที่ล้ำสมัย ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างพิถีพิถันจาก Maserati Innovation Lab ทุกรายละเอียดถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์
โครงสร้างน้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง: เพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุดและประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยม GranTurismo ใช้สถาปัตยกรรมที่เน้นการใช้วัสดุที่เบาที่สุด เช่น อะลูมิเนียมและแมกนีเซียม ควบคู่ไปกับโลหะเกรดสูง ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับกระบวนการผลิตใหม่ทั้งหมดเพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่ยังคงความแข็งแกร่งและปลอดภัยสูงสุด การลดน้ำหนักตัวรถส่งผลโดยตรงต่อความคล่องตัว การตอบสนอง และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดรถยนต์ปี 2025
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High: นี่คือระบบอิเล็กทรอนิกส์ล้ำสมัยภายใต้มาตรฐาน canFD ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อถึง 0.002 วินาที ความเร็วในการประมวลผลข้อมูลนี้เป็นหัวใจสำคัญในการทำงานของระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) ที่ซับซ้อน ระบบความปลอดภัย และระบบควบคุมการขับขี่ต่าง ๆ ทำให้รถตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ขับและสภาพแวดล้อมได้ทันทีอย่างแม่นยำ
Cyber-security ระดับ 5: ในยุคที่รถยนต์เชื่อมต่อกับโลกภายนอกอย่างเต็มที่ มาเซราติให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์สูงสุด GranTurismo มาพร้อมกับระบบ cyber-security ระดับ 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรม เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและระบบของรถจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ในทุกการเชื่อมต่อ
Flash-over-the-air (FOTA): เทคโนโลยีนี้ช่วยให้รถสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์และฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้ผ่านระบบไร้สาย (Over-the-Air) โดยไม่จำเป็นต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ ซึ่งหมายความว่ารถจะได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอตามความต้องการและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความทันสมัยและสะดวกสบายสูงสุด
Vehicle Domain Control Module (VDCM): เปรียบเสมือนศูนย์กลางอัจฉริยะที่ควบคุมระบบสำคัญทั้งหมดของรถยนต์แบบ 360 องศา VDCM ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบความสะดวกสบายและความมั่นใจให้แก่ผู้ขับ ในการควบคุมระบบต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วงล่าง ระบบเบรก หรือระบบส่งกำลัง VDCM จะทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาดเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์
ห้องโดยสาร: ศิลปะแห่งความหรูหราและเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ Maserati GranTurismo คุณจะพบกับงานฝีมือระดับปรมาจารย์ที่ผสมผสานเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัยได้อย่างลงตัว ที่นี่ไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับเดินทาง แต่เป็นอาณาจักรส่วนตัวที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย ความบันเทิง และการเชื่อมต่อในระดับสูงสุด
Maserati Intelligent Assistant (MIA): ระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะ MIA คือหัวใจสำคัญของห้องโดยสาร ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของรถได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่และอินโฟเทนเมนต์ใหม่ล่าสุดที่ใช้งานง่าย พร้อมการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์แบบกับสมาร์ทโฟน
Comfort Display และ Digital Clock: นอกจากหน้าจอหลักแล้ว ยังมีหน้าจอ Comfort Display ที่รวบรวมฟังก์ชั่นหลักที่จำเป็นไว้ในจุดเดียว เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญ และนาฬิกาดิจิทัลที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีต ซึ่งเป็นการตีความใหม่ของนาฬิกาอะนาล็อกอันเป็นเอกลักษณ์ของ GT Car ในอดีต
Head-Up Display (HUD) (ออปชั่น): เพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบายสูงสุด HUD จะแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญ เช่น ความเร็ว ระบบนำทาง และข้อมูลจาก ADAS บนกระจกบังลมหน้า ทำให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน
ระบบเสียง Sonus faber 3D: ประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์แบบคือสิ่งที่มาเซราติให้ความสำคัญเป็นพิเศษ GranTurismo มาพร้อมกับชุดเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ Sonus faber 3D ซึ่งได้รับการพัฒนาและออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาเลียนโดยเฉพาะ ให้คุณภาพเสียงที่คมชัด รายละเอียดครบถ้วน และมิติเสียงที่สมจริง
ในรุ่นมาตรฐาน มาพร้อมลำโพง 14 ตำแหน่ง พร้อมกำลังขับ 860 วัตต์
สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์เสียงขั้นสุด มีชุดลำโพง 19 ตำแหน่ง พร้อมกำลังขับ 1,195 วัตต์ เป็นออปชั่นพิเศษในช่วงเปิดตัว
ระบบเสียงนี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่การเล่นเพลง แต่ยังได้รับการปรับจูนเป็นพิเศษสำหรับ GranTurismo Folgore เพื่อให้เสียงสังเคราะห์ของรถยนต์ไฟฟ้ามีมิติและอารมณ์ความรู้สึกตามแบบฉบับมาเซราติ
การเลือกใช้วัสดุภายในที่หรูหรา ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้ อัลคันทาร่า หรือคาร์บอนไฟเบอร์ สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ซื้อ เพื่อสร้างสรรค์ห้องโดยสารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นี่คือการผสมผสานระหว่างงานฝีมือดั้งเดิมของอิตาลีเข้ากับเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อสร้างสรรค์สุนทรียภาพในการเดินทางที่หาใดเทียบได้ในตลาดรถยนต์ปี 2025
รุ่นพิเศษ PrimaSerie 75th Anniversary: เฉลิมฉลองตำนานสู่บทใหม่
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปีแห่งการถือกำเนิดของ GranTurismo มาเซราติได้นำเสนอ “PrimaSerie 75th Anniversary” รุ่นพิเศษลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่มาพร้อมกับคอนเทนต์และรายละเอียดเฉพาะตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่นักสะสมและผู้ที่หลงใหลในแบรนด์ไม่ควรพลาด รุ่นพิเศษนี้เป็นตัวแทนของการเชื่อมโยงระหว่างมรดกอันยาวนานเข้ากับวิสัยทัศน์แห่งอนาคต แสดงให้เห็นว่ามาเซราติยังคงให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์และรากเหง้าของตนเอง ในขณะเดียวกันก็มุ่งหน้าสู่ความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
บทสรุปและคำเชิญพิเศษ
Maserati GranTurismo 2025 เป็นมากกว่าแค่รถยนต์คันใหม่ในตลาด มันคือการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนของมาเซราติ ในการก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่แห่งยานยนต์ โดยยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่ง Grand Tourer ที่เป็นเอกลักษณ์เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง V6 Nettuno อันเร้าใจ หรือ GranTurismo Folgore ที่เป็นสุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า 100% คุณจะได้สัมผัสกับความรวดเร็วแบบรถสปอร์ต ความหรูหราที่เหนือระดับ และความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มาเซราติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสมการที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ สามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัว สร้างมาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์ในเซกเมนต์ Grand Tourer และเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์พรีเมียมที่สะท้อนถึงรสนิยมอันโดดเด่นและไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง
ถึงเวลาแล้วที่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของ Maserati GranTurismo 2025 ด้วยตัวคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องยนต์อันเป็นมนต์ขลัง หรือความเงียบสงบแต่ทรงพลังของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า โอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของตำนานบทใหม่นี้กำลังรอคุณอยู่
ขอเชิญคุณสัมผัสประสบการณ์ความหรูหราและสมรรถนะระดับโลกของ Maserati GranTurismo 2025 ได้แล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่ายมาเซราติอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและนัดหมายการทดลองขับ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตแห่ง Grand Touring ไปพร้อมกับเรา.

